น้ำตาลที่เรากินอยู่ทุกวัน ส่งผลเสียต่อสุขภาพ ผู้คนจึงหันมาศึกษาเรียนรู้และใช้ “หญ้าหวาน” ให้ความหวานแทนน้ำตาลกันมากขึ้น แม้เขาจะเป็นพืชที่ชอบความหนาว แต่ปัจจุบันมีการคิดค้น พัฒนาสูตรการปลูกที่เหมาะกับอากาศร้อนของประเทศไทยมากยิ่งขึ้น ส่วนหญ้าชนิดนี้จะมีประโยชน์แค่ไหน มีข้อเสียอย่างไร ต้องปลูกด้วยวิธีไหนถึงจะรอด วันนี้เรามีเคล็ดไม่ลับมาฝาก
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
รู้จักกับ “หญ้าหวาน” หรือ “สตีเวีย” ขายแพงมาก ปลูกยากแค่ไหน มาดู!
หญ้าหวาน คือ พืชล้มลุกขนาดเล็ก อายุราว ๆ 3 ปี ซึ่งสามารถนำมาประกอบอาหารเพื่อให้ความหวานแทนน้ำตาลได้โดยไม่ก่อให้เกิดพลังงาน ใบของเขามีรสชาติหวาน เนื่องจากสารกดสำคัญอย่างสตีวิโอไซด์ (Stevioside) ซึ่งให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลทั่วไป 200-300 เท่า
เดิมทีเจ้าต้นนี้เป็นพืชพื้นถิ่นของประเทศบราซิล ไปจนถึงทวีปอเมริกาใต้ ค่อนข้างชอบอุณหภูมิในระดับ 20-26 องศาเซลเซียส ซึ่งถ้าให้พูดกันตามตรงคงไม่เหมาะจะปลูกในประเทศไทย จึงทำให้หญ้าชนิดนี้มีราคาแพง หากใครสามารถปลูกได้ ก็สร้างกำไรได้ง่าย ๆ เช่นกัน
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Stevia rebaudiana (Bertoni) Bertoni
ชื่อวงศ์ : ASTERACEAE หรือ COMPOSITAE (วงศ์ทานตะวัน)
ชื่อสามัญ : Stevia
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลำต้น : พุ่มเตี้ยความสูง 30-90 เซนติเมตรโดยประมาณ ลำต้นกลม แข็ง คล้ายกับพืชตระกูลกะเพรา โหระพา และมิ้นท์ ผิวเปลือกสีเขียวอมเทา
ใบ : เป็นพืชใบเดี่ยว ออกใบเป็นคู่ตรงข้ามกันที่บริเวณลำต้นไปจนถึงยอด มักแตกยอดสั้นเหนือซอกใบ ลักษณะใบเป็นรูปหอกกลับสีเขียว ขอบใบหยักเป็นฟันเลื่อย กว้างประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 3-4 เซนติเมตรโดยประมาณ หากลองเคี้ยวใบสดดูจะพบว่านี่คือส่วนที่มีรสหวาน และมีสารให้ความหวานแทนน้ำตาล
ดอก : ออกเป็นช่อที่บริเวณปลายยอด ดอกย่อยสีขาว มี 5 กลีบดอกรูปหอก พบเกสรตัวผู้สีเหลืองและเกสรตัวเมีย ลักษณะคล้ายคลึงกับหนวดปลาดุก
ผล : ออกผลเดี่ยว ไม่ปริ พบเมล็ดสีดำ มีขนปุกปุยภายในจำนวนมาก สามารถนำมาขยายพันธุ์ได้
ประโยชน์ของหญ้าหวาน
– ใช้ประกอบอาหาร ให้มีรสชาติหวานแทนการใช้น้ำตาล โดยไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดสูง เนื่องจากหญ้าชนิดนี้ไม่ก่อให้เกิดพลังงาน แถมยังไม่เป็นพิษอีกด้วย
– ช่วยในการคุมน้ำหนัก สำหรับคนที่ติดรสชาติหวาน
– สตีวิโอไซด์ คือสารที่ทนทานต่อความร้อนได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับนำมาให้ความหวานในขนมอบร้อน เบเกอรี่ ขนมไทย ถือว่าเป็นทางเลือกเพื่อสุขภาพที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย จัดว่าเป็นสารให้ความหวานจากธรรมชาติที่น่าสนใจมาก ๆ
ข้อเสียของหญ้าหวาน
ผู้ที่แพ้พืชในตระกูลทานตะวัน ไม่ควรรับประทานหญ้าชนิดนี้ ในบางรายอาจเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องอืด วิงเวียนศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ตลอดไปจนถึงชาตามร่างกายได้ สตรีมีครรภ์ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
การขยายพันธุ์
หญ้าหวาน สามารถขยายพันธุ์ได้ตั้งแต่การเพาะเมล็ด ไปจนถึงปักชำกิ่ง ทว่าการทำให้เขามีชีวิตอยู่รอดค่อนข้างยากกว่าพืชชนิดอื่นมาก ๆ ในประเทศไทยมักปลูกกันทางภาคเหนือ และถ้าหากคุณคือมือใหม่ที่อยากลองเพิ่มจำนวนประชากรพืชชนิดนี้ด้วยการเพาะเมล็ด ก็สามารถทำตามขั้นตอนของเราได้เลย
อุปกรณ์ที่ต้องใช้
– กระถางหรือถาดเพาะมีรูระบายน้ำ
– ฟ็อกกี้
– ดินปนทราย 1 ส่วน
– เมล็ดหญ้าหวาน
ขั้นตอนการเพาะเมล็ด
1. ใช้ดินร่วนปนทราย 1 ส่วนมาเทลงในถาดเพาะชำ
2. จากนั้นนำเมล็ดหญ้าโรยลงไป
3. ใช้ดินกลบหน้าเบา ๆ
4. สเปรย์น้ำเพิ่มความชุ่มชื้นด้วยฟ็อกกี้ 3 เวลาเช้า กลางวัน เย็น
5. รอจนกว่าต้นจะงอกและเติบโตแข็งแรงค่อยนำไปปลูกลงดิน
อุปกรณ์ที่ต้องใช้และวิธีการปลูกย้ายกล้าหญ้าหวาน
– ดินปนทราย 1 ส่วน
– แกลบดิบเก่า 1 ส่วน
– แกลบดำ 1 ส่วน
– ขุยมะพร้าว 1 ส่วน
– ขี้วัว ½ ส่วน
– น้ำหมักปลา 20 cc
– น้ำหมักผลไม้ 20 cc
– น้ำเปล่า 5 ลิตร
– กระสอบเปล่า
– กระถางขนาดใหญ่ มีรูระบายน้ำ
ขั้นตอนการย้ายกล้าหญ้าหวาน
1. นำดินปนทราย แกลบดิบเก่า แกลบดำ ขุยมะพร้าว ขี้วัว ตามสัดส่วนด้านบนมาคลุกเคล้าให้เข้ากัน
2. จากนั้นผสมน้ำหมักปลาและน้ำหมักผลไม้ เข้ากับน้ำเปล่า 5 ลิตร แล้วคลุกเคล้านทั้งดินและน้ำให้เข้ากันอีกรอบ
3.บรรจุใส่กระสอบทิ้งไว้ 1 เดือนเพื่อทำวัสดุปลูก
4. เสร็จสรรพบรรจุดินใส่กระถาง แล้วนำต้นกล้าที่แข็งแรงแล้วมาลงในวัสดุปลูกที่เตรียมไว้ได้เลย
การดูแล
ดิน : เน้นดินร่วนปนทราย ระบายน้ำได้เป็นอย่างดี
แสง : หญ้าหวาน เป็นพืชล้มลุกขนาดเล็กที่ชอบแสงแดดรำไร ถึงแสงแดดน้อย
น้ำ : ควรรดน้ำแบบฝอยกระจาย 3 เวลาในช่วงเช้า 09.00 น. ช่วงกลางวัน 12.00 น. และช่วงบ่าย 15.00 น. โดยประมาณ
การดูแลเพิ่มเติม : ฉีดพ่นไตรโคเดอร์มา สัปดาห์ละ 1 ครั้งเพื่อป้องกันรากเน่า
สรุป
เป็นอย่างไรบ้างคะกับเจ้าหญ้าหวาน พืชผักราคาแพงยอดนิยมในสมัยปัจจุบัน ซื้อตามตลาดราคาพุ่งแรงมาก ตกกิโลกรัมละ 450-2,000 บาทขึ้นอยู่กับเกรดการผลิต โดยเฉพาะในยุคสมัยที่เทรนด์รักสุขภาพมาแรงแบบนี้ บอกเลยว่าน่าสนใจมาก มีข้อดีมากกว่าข้อเสีย ส่วนใครอยากลองปลูก เก็บเอาเคล็ดลับที่เรานำมาฝากไปใช้งานจริงกันได้เลยนะคะ
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับต้นไม้และพืชผักได้ที่ Plantlover.net