แก้วมังกร ผลไม้รสหวาน ทนแล้ง ปลูกง่าย สร้างรายได้!!  

by plantlover
แก้วมังกร

แก้วมังกร ผลไม้หน้าตาน่ารัก ที่สาว ๆ หลายคนชื่นชอบ ความจริงแล้วมีประโยชน์มากมายเกินคาดคิด สำหรับคนที่สนใจอยากลองปลูก บอกเลยว่าไม่ยากเกินความสามารถอย่างแน่นอน มีพื้นที่เพียงรั้วบ้านก็สามารถเลี้ยงเขาไว้กินผลได้ แต่อาจจะต้องลงทุนเรื่องอุปกรณ์มากกว่าผลไม้ชนิดอื่นเล็กน้อย สามารถปลูกไว้กินเองได้ หรือขายก็มีกำไร ถ้าพร้อมแล้วเราไปทำความรู้จักกับเจ้าต้นนี้กันเลยดีกว่า 

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่

รู้จักกับแก้วมังกร ผลไม้ปลูกง่าย ได้ผลไว ทนแล้ง!! 

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Hylocereus undatus Haw Britt. Rose. 

ชื่อวงศ์ : Cactaceae (วงศ์กระบองเพชร)

ชื่อสามัญ : Dragon fruit (เอเชีย), Pitaya (ยุโรป) 

แก้วมังกร

แก้วมังกร เป็นไม้ล้มลุก มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศเม็กซิโก ก่อนเข้ามาสู่ประเทศเวียดนามโดยบาทหลวงชาวฝรั่งเศส โดยเริ่มปลูกจากแนวชายฝั่งทางทะเลญาจาง ก่อนกระจายพันธุ์ไปทั่ว ซึ่งในบ้านของเรานั้นสามารถปลูกได้หลายพื้นที่แต่จะพบมากที่สุดจากแถบภาคตะวันออกและภาคกลาง และด้วยความที่เขาให้ผลผลิตดีในระยะเวลา 1 ปี และจะให้ผลผลิตในปริมาณมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อมีอายุหลายปี จึงเป็นพืชเศรษฐกิจที่ค่อนข้างเป็นที่สนใจสำหรับเกษตรกร 

ลักษณะทางพฤกษาศาสตร์  

แก้วมังกร

ลำต้น : ต้นของเขามีความคล้ายคลึงกับกระบองเพชร และเป็นพืชในตระกูลเดียวกัน รูปทรงสามเหลี่ยมเป็นแฉก บริเวณขอบมีรอยหยักและหนามเล็กน้อย มีข้อปล้อง อวบน้ำ ผิวลื่น 

ราก : รากของเขาเป็นแบบฝอย สีน้ำตาล กลมเล็ก แทงลงดิน 

แก้วมังกร

ดอก : ดอกของเขาเป็นสัญญาณว่าอีกไม่นานก็จะออกผล ซึ่งเจ้าต้นนี้จะออกดอกแบบเดี่ยวที่บริเวณปลายกิ่ง กลีบเลี้ยงแข็ง กลีบดอกสีขาว ทรงคล้ายปากแตร ส่งกลิ่นหอมชวนชม 

ผล : ผลแก้วมังกร คือสิ่งที่หลายคนคุ้นหน้าค่าตากันเป็นอย่างดี ลักษณะผลทรงรี ผิวเปลือกหนา โดยทั่วไปแล้วจะมีสีชมพูอมแดง มีกลีบเลี้ยงติดอยู่ที่ผล หากผ่าดูข้างในจะพบเมล็ดสีดำขนาดเล็กอยู่เต็มไปหมดนับพัน เนื้อด้านในเยอะ ฉ่ำน้ำ รสหวาน 

คุณค่าทางโภชนาการ 

อย่างที่เราทราบกันดีว่าแก้วมังกรนั้นเป็นผลไม้ลดความอ้วนยอดฮิต สำหรับคนที่ต้องการคุมน้ำหนัก หลัก ๆ ก็เนื่องจากให้แคลอรี่ต่ำ อุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินบี2 / บี3 / บี1 / บี5 / บี6 / บี9 ฟอสฟอรัส โปรตีน ธาตุเหล็ก เส้นใย สังกะสี ไฟเบอร์ และอื่น ๆ ช่วยในเรื่องการขับถ่าย แก้ท้องผูก ลดคอเลสเตอรอล คุมน้ำตาลในเลือด บำรุงผิวพรรณ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน รักษาแผลในกระเพาะ และช่วยให้นอนหลับสบายอีกด้วย ใครมีปัญหานอนไม่หลับให้ลองกินดูนะ 

แก้วมังกร

การขยายพันธุ์ 

แก้วมังกร เป็นผลไม้ปลูกง่าย แต่อาจจะต้องลงทุนเกี่ยวกับของอุปกรณ์การปลูกมากหน่อย โดยเฉพาะหากต้องการปลูกในปริมาณมาก จะใช้ต้นทุนแรงงานค่อนข้างสูง เนื่องจากต้องมีการขุดดินลึกเพื่อวางเสาให้กิ่งของเขาเกาะ แต่ไม่ต้องตกใจไปหากคุณต้องการปลูกผลไม้ไว้กินเอง ลงทุนนิดเดียวมีแต่คำว่าคุ้มอย่างแน่นอน ถ้าพร้อมแล้วนี่คืออุปกรณ์ที่คุณต้องเตรียมเอาไว้!! 

อุปกรณ์ที่ต้องใช้

– กระถางขนาดใหญ่ หน้ากว้าง 50 เซนติเมตรขึ้นไป 

– ท่อน้ำทิ้ง, ท่อ PVC ขนาดใหญ่, เสาปูน หรือเสาไม้ ตามความสะดวก 

– เหล็กเส้นสำหรับดัดทำค้างด้านบน 

– ขุยมะพร้าว 

– ดินร่วน 

– แกลบดำ 

– เชือกฟาง 

– สกรู, น็อต 

วิธีการปลูกต้นแก้วมังกร 

1.ใช้เสาตั้งเข้าไปด้านในกระถาง 

2.โดยใช้ขุยมะพร้าวรองก้นเอาไว้ในปริมาณ 1 ส่วน 3 ของกระถาง เพื่อให้เขาระบายน้ำดีมากยิ่งขึ้น 

3.จากนั้นผสมดิน ขุยมะพร้าวและแกลบดำ คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วเทลงกระถางเพื่อล็อคเสาให้ตั้งเอาไว้ 

4.จากนั้นนำเหล็กมาดัดให้เป็นค้าง กลม ๆ หรือสี่เหลี่ยมก็ตามแต่ถนัด จากนั้นตั้งค้างเอาไว้ด้านบนโดยใช้น็อตหรือสกรูยึดเอาไว้ 

5.นำกิ่งแก้วมังกรมาตัดให้แหลม แล้วเอาส่วนที่แหลมฝังลงดินในกระถาง โดยหนึ่งหลักจะปลูกอยู่ประมาณ 4 กิ่ง จากนั้นใช้เชือกปอรัดเอาไว้หลวม ๆ เพื่อยืดกิ่งกับเสาอีกทีก็เป็นอันเสร็จสิ้น  

การดูแล 

แก้วมังกร เป็นผลไม้ทนแล้งได้ดีเช่นเดียวกันกับพวกกระบองเพชร ดังนั้นจึงค่อนข้างเหมาะสำหรับแหล่งเพาะปลูกที่มีน้ำน้อย ช่วงปลูกใหม่ควรรดน้ำอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง เพื่อให้ดินชุ่มชื้น เขาจึงจะเติบโตแข็งแรง เมื่อต้นใหญ่สะใจค่อยเปลี่ยนมารดน้ำเพียงเดือนละ 1-2 ครั้งก็อยู่ได้แล้วล่ะ 

แก้วมังกร

อายุเก็บเกี่ยว 

โดยหลักแล้วแก้วมังกรจะเริ่มให้ผลก็ต่อเมื่ออายุ 8 – 10 เดือน และสามารถเก็บเกี่ยวผลได้หลังจากออกดอก 45 วันและหลังจากนั้นเขาจะให้ผลผลิตอยู่เรื่อยราว ๆ 8 – 12 ครั้งต่อปี ถือว่าเยอะมาก ๆ เมื่อเทียบกับผลไม้ชนิดอื่น ต้นที่แก่ขึ้นจะให้ผลผลิตมากยิ่งขึ้น เป็นผลไม้ที่ออกผลทั้งปี สร้างรายได้ สำหรับเกษตรกรทั้งมือใหม่และเก่า 

และนี่ก็คือเรื่องราวเกี่ยวกับแก้วมังกร ที่เราอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้รู้จัก ตั้งแต่ความเป็นมา ประโยชน์ รวมถึงวิธีการขยายพันธุ์ ปลูก ดูแลรักษา คงได้เห็นกันไปแล้วใช่ไหมคะว่าเจ้าต้นนี้ปลูกไม่ยาก แต่ต้องลงทุนมากหน่อย ใครอยากปลูกเป็นไร่ก็ต้องหาวิธีการประหยัดต้นทุนแบบยั่งยืนกันบ้างล่ะ แต่ถ้าเพื่อน ๆ อยากปลูกเอาไว้เพื่อเสริมความมงคลและกินผลก็มีแต่คำว่าคุ้ม สุดท้ายนี้เราหวังอย่างยิ่งว่าข้อมูลดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนนะคะ 

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับต้นไม้และพืชผักได้ที่ Plantlover.net

You may also like

Leave a Comment