ดอกรักเร่ หรือ ดอกดาห์เลีย จัดเป็นไม้ดอกไม้ประดับที่นิยมปลูกทั่วโลก เนื่องจากดอกมีขนาดใหญ่ ตัวดอกมีหลายสีสันสดใส นิยมตัดดอกไปปักแจกันหรือจัดซุ้มงานพิธี แต่ยังไม่เป็นที่นิยมในเมืองไทยที่อาจเป็นเพราะชื่อที่ไม่เป็นมงคลนัก หน้าตาก็ออกจะดูคล้าย ๆ กับดอกเบญจมาศ ต่างกันตรงที่มีสีสันสวยงาม และรูปทรงที่แปลกตา ส่วนใหญ่แล้วเราจะพบว่าผู้คนมักจะปลูกไว้เป็นไม้ประดับสวนและไม้กระถาง แต่ในปัจจุบันมีการปลูกเพื่อเป็นไม้ตัดดอกมากขึ้น ดอกไม้ชนิดนี้จะออกดอกในช่วยฤดูฝนและฤดูหนาว วันนี้ PlantLover จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับไม้ดอกชนิดนี้ ไปติดตามกันได้เลย
ประวัติดอกรักเร่
ถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อหลายศตวรรษมาแล้ว ในสมัยของพระเจ้าฟิลลิปที่ 2 แห่งมาซิโดเนีย ก่อนคริสต์ศักราช โดยนักฟิสิกส์ชาวสเปน พบขึ้นอยู่ตามธรรมชาติอยู่บนภูเขาสูงที่เต็มไปด้วยทรายโดยรอบ จากนั้นพระเจ้าฟิลลิปที่ 2 จึงได้ส่งตัวเขาเข้ามาศึกษาพันธุ์ไม้ชนิดใหม่นี้ ต่อมาได้ส่งมาให้พระเจ้ากรุงสเปนปลูก ทำให้นิยมปลูกกันเรื่อยมาตั้งแต่นั้น ต่อมาในปี ค.ศ. 1798 ได้มีผู้นำต้นรักเร่จากเม็กซิโกเข้าไปปลูกในประเทศแถบยุโรป เริ่มที่ประเทศสเปนเป็นประเทศแรก ดอกไม้ชนิดนี้มีด้วยกัน 3 สายพันธุ์ และหลังจากนั้นก็ถูกนำเข้าไปปลูกยังหลายประเทศ จนปัจจุบันพบการปลูกในเกือบทุกประเทศทั่วโลก
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
1. เป็นไม้ล้มลุก มีลำต้นตั้งตรง ลำต้นอาจแตกกิ่งเป็นทรงพุ่มหรือเป็นต้นเดียวไม่แตกกิ่งขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ เปลือกลำต้นทรงกลม มีสีเขียวหรือสีเขียวอมม่วงตามสายพันธุ์และมีขนปกคลุม แก่นไม้เป็นไม้เนื้ออ่อน เปราะหักง่าย
2. รากใต้ดินแตกรากที่พองขยายเป็นหัวออกจำนวนมาก บางครั้งเรียกว่า หัวรักเร่ คล้ายหัวมันสำปะหลัง รากนี้ทำหน้าที่สะสมอาหารสำหรับเป็นอาหารแก่ต้นอ่อน ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ เปลือกหัวบาง มีสีครีมหรือเหลืองอมขาว และมีรากแขนงแทงออกประปราย ทำหน้าที่หาอาหารให้แก่ลำต้น ส่วนด้านในหัวเป็นเนื้อสีขาว
3. ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ ออกตรงข้ามกันเป็นคู่ ๆ แต่ละคู่สลับกันเป็นฉาก มีก้านใบหลักสีเขียว แต่ละก้านใบหลักประกอบด้วยใบย่อย จำนวน 3 หรือ 5 ใบ แผ่นใบมีสีเขียวสด แผ่นใบเรียบ ขอบใบหยักเป็นฟันเลื่อย
4. ออกดอกเป็นกระจุกใหญ่ออกดอกเดียวตรงปลายยอด ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ กลีบดอกอาจมีชั้นเดียวหรือเรียงซ้อนกันเป็นชั้น ๆ หลายชั้น กลีบดอกส่วนมากมักบิดงอ แผ่นกลีบดอกมีหลายสีตามพันธุ์
ประโยชน์
1. ใช้สกัดเป็นสีผสมอาหาร
2. ใช้ต้มย้อมผ้า ให้สีผ้าหลายสีตามสีของดอก
3. นำหัวมาต้มรับประทานได้ แต่ไม่นิยมนัก เพราะนิยมปลูกเพื่อการประดับดอกมากกว่า
4. หัวใช้เป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ อาทิ สุกร ไก่ และเป็ด
5. น้ำคั้นจากต้นมีฤทธิ์เป็นยาปฏิชีวนะอ่อน ๆ สามารถฆ่าเชื้อ Staphylococcus ได้