5 ผลไม้คีโต ที่ชาวคีโตเจนิคกินได้ ไม่หลุดคีโตซิส 

by plantlover
ผลไม้คีโต

ในยุคสมัยที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า สุขภาพที่ดีและรูปร่างสมส่วน เป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการลดน้ำหนักด้วยการกินผลไม้คีโต หนึ่งในวิธีการลดน้ำหนักแบบคีโตที่ใช้หลักการลดน้ำหนักด้วยการกินไขมัน แต่จะทำให้ผอมลงได้อย่างไรมาฟังวิธีการกินแบบคีโตทางนี้กันได้เลย เพราะ PlantLover จะมาเล่าให้ทุกคนได้อ่านกัน

การกินแบบคีโตเจนิคไดเอต เราจะต้องกินไขมันประมาณ 75% โปรตีน 20% และคาร์โบไฮเดรตอีก 5% ในแต่ละวัน หรือก็คือการลดคาร์บและน้ำตาลลงให้ได้มากที่สุด ซึ่งปกติร่างกายของเราจะใช้กลูโคสในการย่อยแป้งและน้ำตาลเป็นหลัก ซึ่งหากร่างกายไม่ได้รับคาร์โบไฮเดรต ก็จะทำให้กลูโคสในเลือดต่ำ ร่างกายก็จะเข้าสู่ภาวะ Ketosis ที่ต้องดึงไขมันมาใช้เป็นพลังงานหลักแทน ขั้นตอนนี้เองที่จะทำให้ไขมันถูกเผาผลาญออกไปได้มากกว่าปกติ ทำให้ไขมันและน้ำหนักของเราลดลง

ผลไม้คีโตอะไรบ้าง?

1. อะโวคาโด 

ผลไม้คีโต

เป็นผลไม้คีโตสุดฮิตของชาวคีโต เพราะอะโวคา มีคาร์โบไฮเดรตแถมยังมีไขมันดี มีวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ที่ช่วยให้ระบบหัวใจและหลอดเลือดทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย 

2. มะเขือเทศ

ผลไม้คีโต

มะเขือเทศถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มของผลไม้ค่ะ นอกจากนี้มะเขือเทศยังอุดมไปด้วยวิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระ นอกจากจะกินแล้วไม่อ้วน ไม่หลุดคีโตแล้ว ยังช่วยบำรุงให้ผิวสวยเปล่งปลั่งอีกด้วยค่ะ

3. แบล็คเบอร์รี่

ผลไม้คีโต

แบล็คเบอร์รี่ไม่เพียงเป็นผลไม้ที่มีคาร์โบไฮเดรตน้อยเท่านั้นนะคะ แต่แบล็คเบอร์รี่ยังมีข้อดีอย่างการช่วยลดระดับกลูโคสในเลือดได้ดีอีกด้วย

4. ชมพู่

ผลไม้คีโต

ผลไม้เนื้อหวานกรอบที่หาซื้อได้ง่ายมาก ๆ เมื่อกินเข้าไปจะยิ่งทำให้เราอิ่มได้ไวมากขึ้น PlantLover แนะนำให้หั่นชมพู่ใส่กล่องแช่เย็นเอาไว้กินตอนร้อน ๆ จะทำให้ได้รสชาติที่อร่อยมากขึ้น

5. เลมอน

ผลไม้คีโต

ให้กินเลมอนเล่น ๆ ก็คงไม่ไหว แต่ถ้าเป็นน้ำเลมอนบอกเลยว่าประโยชน์เพียบค่า โดยน้ำเลมอนนั้นช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น เพราะช่วยดึงไขมันมาใช้เป็นพลังงานง่ายขึ้นนั่นเอง ดื่มน้ำเปล่าผสมน้ำเลมอนตอนเช้าบอกเลยว่า ช่วยเรื่องการเผาผลาญได้ดีสุด ๆ

ข้อดีของการลดน้ำหนักแบบผลไม้คีโต

1. น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว เพราะการกินคีโตจะช่วยลดการใช้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรตที่ได้จากแป้งและน้ำตาล จึงไม่มีพลังงานส่วนเกินเข้าไปสะสมในร่างกายเพิ่มขึ้น

2. ไขมันถูกนำมาเผาผลาญมากขึ้น เมื่อร่างกายไม่ได้รับพลังงานจากคาร์โบไฮเดรตหรือได้รับในปริมาณที่ต่ำ ร่างกายจะดึงไขมันที่สะสมไว้ออกมาเผาผลาญเป็นพลังงานแทน

ข้อเสียของการลดน้ำหนักแบบคีโต

1. ร่างกายขาดสารอาหารบางชนิด การกินคีโตจะไม่สามารถรับประทานอาหารบางชนิดได้เช่น ผักและผลไม้ที่มีน้ำตาล จึงอาจส่งผลให้ร่างกายขาดสารอาหารประเภทวิตามินและแร่ธาตุบางชนิดที่มีในผักหรือผลไม้

2. ระบบทางเดินอาหารและระบบขับถ่ายผิดปกติ การหลีกเลี่ยงอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตและใยอาหาร อาจส่งผลให้ระบบขับถ่ายทำงานผิดปกติ จนเป็นสาเหตุของโรคท้องผูกได้

3. เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาหลอดเลือดหัวใจ เพราะการกินคีโตนั้นเน้นการรับประทานไขมันชนิดดี ซึ่งหมายถึงไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนที่ได้จากพืชหรือสัตว์ ตัวอย่างเช่น น้ำมันหมู น้ำมันปาล์ม และน้ำมันมะพร้าว อาจกลายเป็นสาเหตุทำให้เกิดปัญหาหลอดเลือดหัวใจตามมาได้

4. เกิดภาวะ Keto Flu ในระยะสั้นมีอาการปวดศีรษะ รู้สึกเหนื่อย สมองล้า ส่วนในระยะยาวอาจเกิดโรคกระดูกพรุน ไขมันพอกตับ นิ่วในไต หรือภาวะตับผิดปกติ

5. ผลข้างเคียงต่อร่างกาย เมื่อร่างกายมีสารคีโตนสูง จะทำให้มีกลิ่นปากแรง กลิ่นตัวแรง และน้ำหนักอาจกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

You may also like

Leave a Comment