ผักกาดหอม เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในผักสลัดยอดนิยมอันดับต้น ๆ เลยล่ะ ไหนใครกำลังอยากปลูกเจ้าต้นนี้เอาไว้ทานเองอยู่ไหมเอ่ย โดยเฉพาะมือใหม่ที่อาจจะคิดว่าปลูกยากในประเทศไทย แต่แท้จริงแล้วไม่เกินความสามารถของคุณอย่างแน่นอน เพียงรู้เคล็ดลับ และการดูแลเอาใจใส่อย่างตรงประเด็น วันนี้เราก็มีข้อมูลดี ๆ มาฝาก
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
รู้จักผักกาดหอม กับวิธีปลูกผักสลัดง่าย ๆ สำหรับมือใหม่!!
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Lactuca sativa L.
วงศ์ : Asteraceae หรือ Compositae (วงศ์ทานตะวัน)
ชื่อภาษาอังกฤษ : Green Coral Lettuce
ชื่ออื่น ๆ ในภาษาไทย : ผักกาดปี, ผักกาดยี, พังฉ่าย
ผักกาดหอม หรือ กรีนคอรัล เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งผักสลัดที่มีถิ่นกำเนิดมาจากเมืองหนาวของทวีปยุโรปและเอเชีย ต่อมาได้มีการกระจายพันธุ์ไปยังพื้นที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะเขตร้อนอย่างประเทศไทยก็สามารถปลูกได้เช่นกัน เจ้าต้นนี้มีรสชาติหวาน กรอบ ตั้งแต่ก้านยันใบ โดยธรรมชาติแล้วขมเล็กน้อย ทว่าก็ยังสามารถปลูกแบบไม่ให้มีรสขมได้เช่นกัน
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ต้น : ลำต้นผักกาดหอม มีลักษณะเป็นข้อสั้น อวบอ้วน ในช่วงแรกจะสังเกตได้ยากเนื่องจากใบปกคลุมเอาไว้ จะเห็นได้ชัดในระยะแทงช่อดอก
ใบ : ใบของผักกาดชนิดนี้จะออกสีเขียวเหลือง หรือถ้าเป็นสายพันธุ์เรดคอรัล ใบก็จะมีสีม่วงอมแดง ผิวบาง อ่อน ใบของเขาจะค่อนข้างหยัก แต่ไม่หยิกเท่ากับฟิลเลย์ไอซ์เบิร์ก ใบอัดแน่นบางสายพันธุ์จะห่อเหมือนกะหล่ำปลี
ดอก : ดอกผักกาดจะออกเป็นช่อรวม กระจุกอยู่บริเวณส่วนยอด ในหนึ่งช่อประกอบไปด้วย 15-25 ดอกย่อย รูปร่างดอกคล้ายดาวกระจาย มีสีเหลืองอร่าม
เมล็ด : เมล็ดของผักกาดหอมเกิดจากดอก เจริญมาจากรังไข่อันเดียว ลักษณะคล้ายรูปหอก เมล็ดแบนยาว เมื่อเมล็ดแห้งแล้วจะมีสีเทาปนครีม ความยาว 4 มิลลิเมตรโดยประมาณ
คุณค่าทางโภชนาการ
ผักสลัดใบเขียวอย่างผักกาดหอมนั้น เต็มไปด้วยคุณค่าทางอาหารมากมาย ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต, เส้นใย, ไขมัน, โปรตีน, วิตามินเอ, วิตามินบี1 / บี2 / บี3 / บี6 และบี9, วิตามินซี, วิตามินอี, วิตามินเค, แคลเซียม, ธาตุเหล็ก, แมกนีเซียม, ฟอสฟอรัส, โพแทสเซียม, โซเดียม และสังกะสี
ปลูกผักกาดหอม แบบไหนดี? ไฮโดรโปนิกส์ VS ปลูกในดิน
เชื่อว่านี่คือคำถามในใจของใครหลายคน ซึ่งสำหรับเรามองว่าจะปลูกด้วยวิธีไหนก็ขึ้นอยู่กับความพร้อมด้านสถานที่ หากปลูกผักแบบไฮโดรโปนิกส์ในกล่องโฟมก็จะค่อนข้างง่าย ไม่ต้องดูแลยุ่งยาก เหมาะสำหรับปลูกผักสลัด กินเองในครัวเรือน แต่เกษตรกรส่วนใหญ่มักเลี้ยงเจ้าผักกาดชนิดนี้ลงในดินเสียมากกว่า
วิธีการเพาะเมล็ดพันธุ์
สำหรับวันนี้เราจะพามือใหม่ไปทำความรู้จักกับการปลูกผักสลัดบนแปลงดิน ซึ่งสามารถทำในคอนโดฯ ได้เช่นกัน บอกเลยว่าง่ายมาก มือใหม่ก็ทำได้!! เราต้องเริ่มจากวิธีการเพาะเมล็ดก่อนเป็นอันดับแรก
อุปกรณ์ที่ต้องใช้
– แก้วน้ำ
– เมล็ดผักกาดหอม
– ถาดเพาะ
– ฟ็อกกี้
– พีทมอส
วิธีเพาะเมล็ดผักสลัด
1.นำเมล็ดผักสลัดลอยน้ำเอาไว้ในแก้วน้ำอุณหภูมิห้องปกติ ประมาณ 1-2 วัน รากของเขาก็จะเริ่มงอกออกมาจากเมล็ด
2.นำพีทมอสแช่น้ำเอาไว้จนเปียกชุ่มมาใส่ลงในถาดเพาะแต่ละหลุมให้เต็มประมาณหนึ่ง
3.ใช้นิ้วกดให้พีทมอสเป็นหลุมเล็กน้อย ก่อนนำเมล็ดที่รากงอกแล้วมาวางลง
4.โรยพีทมอสลงไปบนหน้าถาดบาง ๆ
5.จากนั้นใช้ฟ็อกกี้สเปรย์ให้ทั่ว สักประมาณ 3-5 วัน ใบของเขาจะเริ่มงอกออกมาเป็นต้นเล็กน่ารัก
การปลูกผักสลัดในแปลงดิน
สำหรับการปลูกผักลงบนดินนั้นจะต้องมีการปรุงดินเพื่อให้ต้นกล้าเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดี จะปลูกผักสลัดให้กรอบ หวาน อร่อย ก็ต้องพึ่งพาอาศัยสูตรดินด้วย เพื่อน ๆ สามารถนำไปใช้ตามกันได้เลย
– ดินร่วนร่อนตะแกรงถี่ 1 ส่วน
– แกลบดำ 1 ส่วน
– ปุ๋ยหมักร่อน 1 ส่วน
– แกลบดำ 2 ส่วน
เมื่อนำทั้งหมดมาผสมเข้าด้วยกันแล้วจึงนำไปใส่ในภาชนะที่เรามี ไม่ว่าจะเป็นกระบะ หรือกระถาง จากนั้นก็สามารถย้ายต้นกล้ามาปลูกได้เลยเมื่อใบที่ 3 ของต้นนั้นงอกขึ้นมา การย้ายต้นกล้าลงดินทำง่ายมาก เพียงแต่ต้องระวังอยากให้รากของต้นผักขาด
การดูแล
ในเบื้องต้น ผักกาดหอมเป็นพืชที่ชื่นชอบแสงแดดมาก เขาจะเจริญเติบโตได้ดีในกลางแจ้ง โดยเฉพาะช่วงอากาศหนาว แต่การรดน้ำก็อาจจะมีข้อจำกัดอยู่บ้าง ในช่วงปลูกใหม่ 2 สัปดาห์แรกจำเป็นต้องรดน้ำเช้า-เย็นทุกวัน และต้องระวังอย่าให้น้ำขังอยู่ตามยอดหรือใบเพราะอาจทำให้เน่าตายได้
หลังจาก 2 สัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ให้เปลี่ยนมารดน้ำเพียงวันละ 1 ครั้งพอ อายุสักประมาณ 40-45 วันก็สามารถเก็บเกี่ยวได้แล้วล่ะ แต่ก่อนเก็บแนะนำว่าให้รดน้ำให้โดนใบเขาแบบชุ่มฉ่ำ และเลือกตัดในช่วงเช้ามืดของวัน จะลดความขมลงได้มาก ใครปลูกผักสลัดแล้วขม อย่าลืมนำเคล็ดลับนี้ไปใช้ล่ะ
และนี่ก็คือเรื่องราวเกี่ยวกับ ผักกาดหอม ที่หลายคนกำลังตามหา และอยากรู้ว่าต้องขยายพันธุ์ ดูแลอย่างไร เพียงลองนำวิธีดังกล่าวไปปรับใช้กับผลักสลัดของเพื่อน ๆ เจ้าพวกใบสีเขียวก็จะงอกงาม เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ ได้รสชาติที่หวาน อร่อย ไม่ขมแน่นอน
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับต้นไม้และพืชผักได้ที่ Plantlover.net
แนะนำ ผักไฮโดรโปนิกส์น่าปลูก
