![โรสแมรี่](https://plantlover.net/wp-content/uploads/2022/08/image-41-1024x683.jpeg)
โรสแมรี่ เป็นพืชสมุนไพรที่มีลักษณะเป็นพุ่มเตี้ย ออกใบเขียวตลอดทั้งปี ความโดดเด่นของพืชสมุนไพรชนิดนี้คือ มีกลิ่นหอมและมีสรรพคุณทางสมุนไพรที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย อีกทั้งยังนำมาเป็นเครื่องเทศในการปรุงอาหารและนำมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหยได้อีกด้วย ต้นโรสแมรี่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ภายหลังนิยมนำมาปลูกกันทั่วไปในประเทศสเปน ฝรั่งเศส ตูนีเซีย โมร็อกโกและอิตาลี จนกระทั่งมีการนำเข้ามาในประเทศไทย ต้นโรสแมรี่ถูกจัดให้อยู่ในพืชวงกะเพราที่พบได้มากในบ้านเรา เมื่อนำมาปรุงอาหารจะให้กลิ่นหอม วันนี้ Plantlover จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับพืชสมุนไพรชนิดนี้ค่ะ ไปติดตามกันได้เลย
![โรสแมรี่](https://plantlover.net/wp-content/uploads/2022/08/image-40-1024x683.jpeg)
ทำความรู้จักโรสแมรี่
ไม่ว่าจะปลูกพืชชนิดไหน สิ่งสำคัญอันดับแรกคือต้องรู้จักพืชชนิดนั้นก่อนว่า มีลักษณะการเจริญเติบโตอย่างไร ชอบดินปลูก แสงแดด และน้ำแบบไหน อย่างเช่น โรสแมรี่เป็นไม้พุ่ม มีอายุหลายปี มีลักษณะเด่น คือ ใบ จะมีรูปร่างคล้ายเข็ม มีกลิ่นหอม และเขียวอยู่ตลอดปี ด้านบนของใบมีสีเขียว ด้านท้องใบเป็นสีขาว และมีขนปกคลุม ดอกมีหลายสี เช่น สีขาว สีชมพู สีม่วง หรือสีฟ้า สามารถปลูกได้ตลอดปี ชอบดินปลูกที่ระบายน้ำดี ไม่มีน้ำท่วมขัง ต้องการแสงแดดตลอดวัน
![โรสแมรี่](https://plantlover.net/wp-content/uploads/2022/08/image-39-1024x683.jpeg)
วิธีการปลูก
1. เลือกสายพันธุ์ที่ชอบ
พืชสมุนไพรชนิดนี้มีหลากหลายสายพันธุ์ที่มาจากหลายประเทศ ซึ่งแต่ละพันธุ์ก็จะแตกต่างกันออกไป บางพันธุ์สูงใหญ่ท่วมหัว บางพันธุ์เป็นไม้เลื้อย ความหอมของแต่ละพันธุ์ก็ไม่เท่านั้น ดังนั้น เราต้องเริ่มจากการเลือกพันธุ์ที่ตรงกับความต้องการและความชอบของเรา
2. ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำได้
บางคนไม่อยากเสียเงินซื้อ Plantlover แนะนำให้ใช้วิธีการขยายพันธุ์ด้วยการปักชำจากของเพื่อน หรือแบ่งมาจากส่วนที่ใช้ทำอาหารในครัวก็ได้ แต่ต้องเลือกยอดที่ไม่แก่เกินไปและไม่อ่อนเกินไป โดยเลือกกิ่งที่มีสีเขียวปนสีน้ำตาล ตัดกิ่งมาให้มีความยาวประมาณ 3-4 นิ้ว จากนั้นเด็ดกิ่งและใบด้านล่างออกให้หมด แช่น้ำเปล่า 1 ชั่วโมง แล้วนำไปปักชำลงในวัสดุปลูก กาบมะพร้าวสับหรือแกลบ
3. เอาลงแปลง ดีกว่าเอาลงดิน
พืชชนิดนี้ไม่ชอบน้ำขัง ดังนั้น ถ้าดินบ้านเราระบายน้ำไม่ดี รดน้ำเยอะหรือฝนตกแล้วน้ำขัง ก็ควรจะทำแปลงยกขึ้นมา ให้สามารถระบายน้ำได้ดี ไม่มีน้ำท่วมขัง
4. วัสดุปลูกต้องระบายน้ำได้ดี
ให้ผสมดินสำหรับปลูกที่ประกอบไปด้วย กาบมะพร้าวสับ 3 ส่วน ดินร่วนหรือดินใบก้ามปู 1 ส่วน แกลบดิบ 1 ส่วน แกลบเผา 1 ส่วน และปุ๋ยคอก 1 ส่วน จากนั้น จึงนำต้นกล้ามาปลูก
5. ปลูกให้มีระยะห่าง
สำหรับคนลงแปลง อย่าปลูกชิดกัน ต้องเว้นระยะระหว่างต้นให้ห่างกัน เพื่อให้มีพื้นที่ในการเติบโต และความโล่งนั้นจะช่วยให้อากาศถ่ายเท แสงส่องถึง ลดการเกิดโรคและเพลี้ยได้
6. แสงแดดต้องเพียงพอ
พืชสมุนไพรชนิดนี้ชอบแสงแดด จึงทำให้การปลูกกลางแจ้งจะดีกว่าการปลูกในที่ที่มีแสงแดดรำไร แถมยังลดโอกาสการเกิดเชื้อราได้ แต่ถ้าปลูกในที่แดดจัด ก็ต้องรดน้ำอย่างสม่ำเสมอด้วย
7. เจอราให้เด็ด ระวังเพลี้ย
ศัตรูพืชหลักคือเพลี้ย ส่วนใหญ่เป็นเพลี้ยไฟ กำจัดได้ด้วยการตัดทิ้ง แล้วป้องกันด้วยการพ่นน้ำส้มควันไม้ และถ้าหากเจอเชื้อราที่ใบให้ตัดใบทิ้ง