ต้นโพทะเล ไม้ยืนต้น ประดับบ้าน ทำบอนไซ ใครอยากปลูกต้องรู้! 

by plantlover
ต้นโพทะเล

ถ้าใครอยากปลูกโพธิ์เอาไว้ดูเล่น แต่ด้วยขนาดที่ใหญ่มหึมาจนเกินไปจึงไม่สามารถครอบครองได้ ต้นโพทะเล ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกอันน่าสนใจ เนื่องจากขนาดเล็กลงมาหน่อย สามารถสรรค์สร้างเป็นบอนไซต้นเล็ก สวยงามได้ แถมยังดูแลง่าย ไม่ต้องคอยประคบประหงมสักเท่าไร และถ้าหากคุณอยากรู้ว่าเจ้าต้นนี้มีที่มาอย่างไร ต้องปลูก ดูแลและขยายพันธุ์แบบไหน เรามีข้อมูลดี ๆ มาฝาก

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่

รู้จักกับ “ต้นโพทะเล” สุดยอดไม้บอนไซสวย ๆ กับเรื่องที่คนอยากปลูกต้องรู้

ต้นโพทะเล จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก สำหรับในประเทศไทยถูกจัดให้เป็นต้นไม้ประจำจังหวัดสมุทรปราการ โดยทั่วไปสามารถพบได้ในหลายภูมิภาค เนื่องจากพันธุ์ไม้กระจายตัวเป็นวงกว้างอยู่ตามป่าชายเลน ริมแม่น้ำที่เป็นดินร่วนปนทราย ตั้งแต่ทางแอฟริกา มายังเอเชีย อินเดีย ศรีลังกา จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น ไทย มาเลเซีย รวมถึงหมู่เกาะแปซิฟิก ปลูกในสภาพอากาศร้อนชื้นในบ้านเราได้สบายมาก

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Thespesia populnea (L.) Sol. ex Corrêa

ชื่อวงศ์ : Malvaceae (วงศ์ชบา)

ชื่อสามัญ : Portia tree

ชื่อไทย : โพธิ์ทะเล (ภาคกลาง), ปอกะหมัดไพร (ราชบุรี), ปอมัดไซ (เพชรบุรี) และ บากู (ปัตตานี, มลายู-นราธิวาส)

ต้นโพทะเล

โพทะเลกับความหมายที่หลายคนอาจยังไม่รู้

ต้นโพทะเล เป็นไม้มงคลพระราชทาน ดอกสีเหลืองสวยของโพทะเลถูกใช้แทนดอกป๊อปปี้เพื่อรำลึกถึงสงครามโลกครั้งที่ 1 ในขบวนการสุริยามัล นอกจากนี้ดอกยังเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้เพื่อเอกราชในศรีลังกาอีกด้วย

ต้นโพทะเล

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

ลำต้น : เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กความสูงตั้งแต่ 8-12 เมตรโดยประมาณ เปลือกต้นสีน้ำตาลอ่อน อมเทา หรือด่างเทาเล็กน้อย ผิวเรียบแตกร่องตามแนวยาว เนื้อไม้ด้านในสีน้ำตาลอมแดง ไปจนถึงดาร์กช็อกโกแลต แตกกิ่งก้านโน้มต่ำ เรือนยอดแผ่ค่อนข้างหนาทึบ

ใบ : เป็นพืชใบเดี่ยว ออกเรียงสลับที่ปลายกิ่ง ลักษณะโดยรวมคล้ายรูปหัวใจ ส่วนฐานใบเว้าลึกไปจนถึงก้านใบ ปลายใบเริ่มสอบแหลมเรียว ผิวใบเกลี้ยงสีเขียวเข้มเป็นมัน ท้องใบสีเทา เส้นใบชัด ขอบใบเรียบ ขนาดใบกว้าง 5-10 เซนติเมตร และยาว 8-15 เซนติเมตรโดยประมาณ

ดอก : ดอกโพทะเล จะออกมาในรูปแบบดอกเดี่ยวหรือดอกคู่บริเวณซอกใบ กลีบดอกสีเหลืองนวล รูปไข่ บริเวณโคนกลีบเชื่อมติดกันคล้ายรูประฆัง แต้มจุดสีแดงเข้มอมน้ำตาล มักออกดอกในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน และอีกช่วงคือเดือนกันยายน-ตุลาคม โดยจะบานเต็มที่ภายในวันเดียว ก่อนเปลี่ยนเป็นสีม่วง และเหี่ยวแห้งโรยราไป ลักษณะใกล้เคียงกันกับดอกปอทะเล ทว่าดอกต้นโพทะเลจะไม่มีวงกลมสีแดงที่โคนกลีบด้านใน

ผล : ลูกกลม เป็นสันตื้นทั้งหมด 5 สันด้วยกัน ผลอ่อนสีเขียวอ่อน ผลแก่สีเขียวเข้ม เปลือกค่อนข้างแข็ง เมื่อผลแห้งจะแตกก่อนร่วงหล่นลงใต้ต้น พบเมล็ดด้านในตั้งแต่ 15-20 เมล็ด เริ่มออกผลตั้งแต่กรกฎาคม-สิงหาคม ผลแก่เริ่มร่วงตั้งแต่กุมภาพันธ์-เมษายน สามารถเก็บมาขยายพันธุ์ได้

ต้นโพทะเล

ประโยชน์

ต้นโพทะเล ถือว่าเป็นต้นไม้ที่มีมูลค่าทางจิตใจ นอกจากการปลูกเป็นไม้ประดับแต่งสวนแล้ว เมื่อตัดก็ยังนำเนื้อไม้มาแปรรูปได้ เนื่องจากเนื้อไม้มีความแข็งแรง ทนทาน เหนียว แต่ตกแต่งง่าย สีแดงเข้มขึ้นเงา จึงมักนำไปทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ในสมัยก่อน รวมถึงทำเครื่องดนตรี เครื่องเรือน รางปืน พายแจวเรือ และอีกมากมาย ส่วนผล และใบอ่อนสามารถนำมารับประทานได้ มีสรรพคุณทางยาอันน่าสนใจ แต่ต้องระวังอย่าให้ยางหรือน้ำมันจากเมล็ดโพเข้าตา เพราะสามารถทำให้ตาบอดได้เลยล่ะ

ต้นโพทะเล

การขยายพันธุ์

ต้นโพทะเล ขยายพันธุ์ง่าย ได้ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดเป็นหลัก และการเพาะเมล็ดโพทะเลนั้นมีขั้นตอน วิธีการไม่ยุ่งยากจนเกินไป มือใหม่ก็สามารถเพิ่มจำนวนประชากรต้นไม้ด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ ดังต่อไปนี้

อุปกรณ์ที่ต้องใช้

– ผลโพที่หล่นจากต้น

– ภาชนะสำหรับใส่น้ำ เช่น แก้ว หรือถ้วย

– ดินปลูก

– ถุงเพาะชำ

ขั้นตอนการเพาะเมล็ดต้นโพทะเล

1. เมื่อได้ผลโพทะเลมาแล้ว ให้เราทำการแงะ หรือปาดเปลือกและเนื้อเพื่อนำเมล็ดด้านในออกมา

2. จากนั้นนำเมล็ดไปแช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน

3. เตรียมดินปลูกใส่ลงในถุงเพาะชำ รดน้ำให้ชุ่ม

4. นำเมล็ดฝังลงไปในดิน ความลึกประมาณ 0.5-1 เซนติเมตร

5. กลบดินให้เรียบร้อย รดน้ำตามเพิ่มความชุ่มชื้นและเพิ่มอัตราการงอก

6. วางต้นไม้เอาไว้ในพื้นที่ร่มรำไร อุณหภูมิปกติ

7. หมั่นรดน้ำทุกวันจนกว่าจะเกิดต้นกล้าที่แข็งแรง

การปลูก/ดูแล

แสง : ด้วยความที่เขาเป็นไม้ยืนต้น จึงชื่นชอบแสงแดดตลอดทั้งวันเป็นเรื่องปกติ ควรปลูกต้นโพทะเลเอาไว้กลางแจ้งจะทำให้มีการเจริญเติบโตที่ดีมากยิ่งขึ้น

ดิน : เขาสามารถเติบโตได้ดีในดินหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะดินร่วนปนทราย ระบายน้ำดี อินทรียวัตถุสูง จัดว่าเป็นต้นไม้ทนเค็มได้ดี

น้ำ : ต้องการความชุ่มชื้นอย่างสม่ำเสมอ ในปริมาณมาก หากมีเวลาให้รดน้ำช่วงเช้าและเย็น 2 ครั้ง/ 1 วันจะดีมาก

การตัดแต่ง : หากต้องการทรงพุ่มสวยงาม ไม่ปรกพื้นมากจนเกินไป แนะให้ตัดกิ่งด้านล่างด้วยจะดีที่สุด

สรุป

และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวเกี่ยวกับ “ต้นโพทะเล” ไม้ที่มีรูปร่างหน้าตาใกล้เคียงกันกับโพธิ์ใหญ่ที่เรารู้จักมักคุ้นมาเนิ่นนาน เพียงแต่ย่อส่วนลงมาเล็กน้อย และมีดอกให้เห็นประปราย ทรงพุ่มหนาทึบสวยงาม โตเร็ว เหมาะแก่การเข้าใช้ร่มเงาอย่างยิ่ง ใครกำลังสนใจอยากมีติดบ้าน ก็อย่าลืมเก็บนำความรู้ไปดูแลน้องอย่างถูกวิธีกันด้วยนะคะ

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับต้นไม้และพืชผักได้ที่ Plantlover.net

You may also like

Leave a Comment