เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยได้ยินชื่อของผลไม้อย่าง “แอปริคอต” ผ่านหูผ่านตากันมาบ้าง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ตากแห้งเพื่อรับประทาน รสอร่อยเกินห้ามใจ แถมยังเป็นผลไม้ที่มีวิตามินสูง สำหรับเพื่อน ๆ ที่กำลังตามหาลู่ทางธุรกิจเกี่ยวกับต้นไม้ชนิดนี้ และอยากทราบว่าปลูกในไทยได้ไหม ปลูกอย่างไร วันนี้เรามีคำตอบมาให้แน่นอน รวมถึงการดูแลและข้อแนะนำเบื้องต้น ถ้าพร้อมแล้วมาทำความรู้จักกับต้นไม้ชนิดนี้กันเลยดีกว่า
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
รู้จักกับ “แอปริคอต” ผลไม้เมืองนอก ปลูกในไทยได้ไหม?
แอปริคอต จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง อันมีวงศาคณาญาติเป็นพืชจำพวกพลัมและพีช โดยถิ่นกำเนิดของเขามาจากประเทศจีน จากนั้นแพร่หลายไปสู่แถบยุโรป อิตาลี อังกฤษ ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง นำมาแปรรูปได้หลากหลายรูปแบบจึงเป็นที่นิยมในวงกว้าง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Prunus armeniaca L.
ชื่อวงศ์ : Rosaceae (วงศ์กุหลาบ)
ชื่อสามัญ : Apricot
แอปริคอท ปลูกในไทยได้ไหม?
เมื่อพิจารณาจากถิ่นกำเนิดและประเทศที่สามารถปลูกแอปริคอตได้ ก็จะพบว่าเขาสามารถเติบโตได้ดีเป็นพิเศษในแถบที่มีสภาพอากาศเย็น ทั้งนี้หากต้องการลองปลูกเขาในประเทศไทยก็ยังมี Modesto Apricots ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ปลูกในอาร์เมเนีย ท่ามกลางภูมิอากาศแบบร้อนจัด หนาวจัด และแห้งแล้งได้ รสชาติยังคงเหมือนกับแอปริคอททั่วไป หวานอมเปรี้ยว ปลูกง่าย โตไว ที่สำคัญกลิ่นหอมอบอวลมาก
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลำต้น : เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ความสูง 8–12 เมตรโดยประมาณ แตกกิ่งก้านจำนวนมากเป็นทรงพุ่ม ลำต้นกลม ผิวเปลือกสีน้ำตาล เนื้อไม้ค่อนข้างแข็งและเหนียว รากแทงลึกลงดินมีทั้งรากฝอยและรากแขนง
ใบ : เป็นใบเดี่ยว รูปไข่ ยาวรี ออกเรียงสลับตามกิ่งและยอด ขอบใบหยักเลื่อย ผิวใบสีเขียว
ดอก : ดอกแอพริคอตออกมาในรูปแบบดอกเดี่ยวเป็นกระจุกที่บริเวณปลายยอด ก้านช่อดอกสั้น กลีบเลี้ยงสีแดง ประกอบไปด้วย 5 กลีบดอกสีขาวอมชมพู บริเวณกลางดอกมีเกสรเส้นยาวสีเหลือง ลักษณะภายนอกใกล้เคียงกับดอกท้อและซากุระมาก เมื่อดอกสะพรั่งเต็มต้นไม้ผลัดใบทิ้งสวยงาม จนกระทั่งบางแห่งจัดเทศกาลชมดอกแอปริคอตกันเลยล่ะ
ผล : ผลกลม เมื่อดิบสีเขียว หากสุกแล้วมีสีเหลืองอมส้มเจือแดง ขนาดเล็กกว่าลูกท้อ พบร่องกลางผลชัดเจน ผิวเปลือกค่อนข้างบาง ทั่วทั้งลูกปกคลุมด้วยผลสีขาวกำมะหยี่ กลิ่นหอม เนื้อแน่น รสชาติค่อนข้างเปรี้ยว แต่หากสุกเต็มที่ก็จะมีรสหวาน
ประโยชน์
แอปริคอต จัดว่าเป็นหนึ่งในผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการมากมาย ไม่ว่าจะเป็น วิตามินเอ, เบตาแคโรทีน, ลูทีน, ซีแซนทีน, วิตามินบี 1/บี2/บี3/บี5/บี6/บี9, วิตามินซี, วิตามินอี, วิตามินเค, โพแทสเซียม และอื่น ๆ นอกจากนี้ยังสามารถนำผลไม้มาแปรรูปได้หลากหลาย ในต่างประเทศนิยมเก็บมาทำแยมทานคู่ขนมปัง ทำความสะอาดก่อนตากแห้งนำมารับประทานแก้เหงาปาก หรือจะรังสรรค์เมนูสมูทตี้ดื่มแก้ร้อนก็เหมาะสำหรับสภาพอากาศบ้านเราอย่างเห็นได้ชัด เพิ่มความสดชื่น กระปี้กระเปร่าขั้นสุด
การขยายพันธุ์
แอปริคอต ขยายพันธุ์ได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการเพาะเมล็ด ตอนกิ่ง ปักชำ และการทาบกิ่งคือวิธีการที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ซึ่งถ้าเพื่อน ๆ ไม่คุ้นชินกับการทาบกิ่ง เราขอแนะนำให้ใช้วิธีการตอนกิ่งต้นไม้เป็นหลักแทน มือใหม่ก็สามารถเพิ่มจำนวนประชากรต้นไม้ได้ดังต่อไปนี้
อุปกรณ์ที่ต้องใช้
– แอพปริคอทต้นแม่พันธุ์
– ตุ้มตอนสำเร็จรูป (ซื้อตามช่องทางออนไลน์ มีน้ำยาเร่งรากพร้อมใช้งาน)
– มีดควั่น
– เชือกแก้ว
– กรรไกรตัดกิ่ง
– ถุงเพาะชำ
– ดินปลูก
ขั้นตอนการตอนกิ่งแอปริคอต
1. เลือกกิ่งเอพริคอตที่ไม่อ่อนหรือแก่จนเกินไป จากต้นแม่ที่สมบูรณ์
2. ใช้มีดควั่นเปลือกใต้ข้อ เริ่มจากการกดมีดลงไปบนผิวเปลือกให้ลึกเพียงแค่ถึงเนื้อไม้โดยทำแผลบนก่อนให้ห่างจากแผลล่าง 2-3 เซนติเมตร ทั้งนี้จะเกิดเป็นรอยวงแหวน 2 วง
3. จากนั้นใช้มีดกรีดวงแหวนทั้งสองให้เชื่อมติดกันแล้วลอกเปลือกไม้ออก
4. ใช้มีดขูดเนื้อเยื่อไม้เบา ๆ จนกระทั่งกิ่งไม้หมดความลื่น
5. จากนั้นผ่ากลางตุ้มตอนสำเร็จรูป แล้วนำตุ้มหุ้มครอบไปที่แผลกิ่ง
6. รัดด้วยเชือกแก้วบริเวณหัวและท้ายตุ้มอย่างแน่นหนา รอจนกว่าจะงอกราก
7. เมื่อรากงอกแล้ว ค่อยนำกรรไกรตัดกิ่งมาตัดใต้ข้อ แล้วปลูกลงในดินและถุงเพาะชำเพื่อให้เขาติดรากเติบโตต่อไป
การปลูก/ดูแล
แสง : ชอบแดดจัดตลอดทั้งวัน หรืออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน หากเป็นสายพันธุ์ Modesto Apricots จะชื่นชอบอากาศร้อน
ดิน : สามารถเติบโตได้ดีในทุกสภาพดิน โดยเฉพาะดินร่วน
น้ำ : ชอบน้ำปานกลาง ซึ่งเราสามารถให้น้ำเขาเพียงวันละ 1 ครั้งในช่วงเช้าได้เลย ทั้งนี้ต้องระวังอย่าให้น้ำท่วมขังแฉะ อาจทำให้เกิดโรคได้
สรุป
และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวเกี่ยวกับต้นแอปริคอต ผลไม้ต่างประเทศที่เราอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้ลองไปทำความรู้จัก เป็นอย่างไรกันบ้างคะ เจ้าต้นนี้น่าสนใจไหม ถ้าใครอยากปลูกเอาไว้ประดับบ้าน ชมดอก ทานผล ก็สามารถตามหาสายพันธุ์อากาศร้อนมาปลูกได้เลย หากสนใจปลูกเพื่อทำธุรกิจก็อย่าลืมทดลองและศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุนกันด้วยนะคะ
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับต้นไม้และพืชผักได้ที่ Plantlover.net