ต้นอ่อนทานตะวัน เรียกได้ว่าเป็นพืชแห่งยุคสมัยที่หลายคนชื่นชอบ เนื่องจากความกรอบ อร่อย นำไปทำเมนูได้หลากหลายแถมยังอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการมากมาย ใครมันจะไปคิดว่าทานตะวันดอกใหญ่เบ้อเริ่ม จะนำมาเพาะต้นอ่อนแค่ 7 วันแล้วกินได้ จริงไหมล่ะ แถมยังขายได้กำไรงามอีกด้วย ถ้าเพื่อน ๆ กำลังสนใจเรื่องราวของเจ้าผักชนิดนี้อยู่ บอกเลยเรามีข้อมูลที่ควรต้องรู้เอาไว้มาฝาก
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
รู้จักกับต้นอ่อนทานตะวัน สุดยอดผักใบเขียว ประโยชน์สูง!
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Helianthus annuus.
ชื่อวงศ์ : Asteraceae (วงศ์ทานตะวัน)
ชื่อสามัญ : Sunflower Sprouts
ต้นอ่อนทานตะวัน กลายเป็นผักยอดฮิตสำหรับกลุ่มคนรักสุขภาพในเวลาอันรวดเร็ว เพื่อน ๆ เคยสงสัยไหมว่า มันมีวิธีการปลูกอย่างไรนะถึงได้ต้นอวบอ้วนออกมาคล้ายถั่วงอก นึกภาพไม่ออกเลยใช่ไหมล่ะ เพราะปกติทานตะวันที่เรารู้จักมักคุ้นกันดีก็คือดอกไม้สีเหลืองสวย สำหรับคนที่อยากลองปลูกผักปลอดสารพิษเอาไว้กินเพื่อสุขภาพ ออแกนิคใด ๆ บอกเลยว่าไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด ใช้เวลาเพียงแค่ 7 วันก็สร้างรายได้เสริมให้เราง่าย ๆ แต่ก่อนอื่นก็ขอพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับข้อมูลที่น่าสนใจของเจ้าต้นนี้กันก่อนสักหน่อย
คุณค่าทางโภชนาการ
ต้นอ่อนของพืชชนิดนี้รูปร่างหน้าตาไม่แตกต่างจากพืชแรกเกิดทั่วไป หากไม่ค่อยได้คลุกคลีก็อาจแยกออกได้ยาก ลักษณะต้นของเขาขาว อวบ เป็นเส้นยาว จะเริ่มตัดกินตั้งแต่ยังไม่มีใบจริง เนื้อสัมผัสกรอบ คล้ายถั่วงอกแต่ไม่เหม็นเขียวเท่า ไม่ออกรสชาติมากนัก ติดไปทางจืดเสียมากกว่า แต่ด้วยความที่คุณค่าทางโภชนาการสูงจึงน่ารับประทานเป็นพิเศษ มีตั้งแต่ วิตามินซี / วิตามิน บี1,บี 6 / วิตามินอี / เซเลเนียม / กรดไขมันโอเมก้า 3, 6, 9 และโฟเลตสูง ช่วยลดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์ บำรุงผิวพรรณ มะเร็ง เบาหวาน แถมยังเป็นผักสำหรับคนควบคุมน้ำหนักอีกด้วย ใครกำลังตามหาผักมีประโยชน์สูงบอกเลยห้ามพลาด
การปลูกต้นอ่อนทานตะวัน
สำหรับการปลูกต้นอ่อนทานตะวันนั้น เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในศาสตร์ที่ต้องใช้ความมานะ เนื่องจากจะต้องให้เวลากับการงอก จะเพาะปลูกอย่างละเลยไม่ได้ เพราะจะทำให้ของเสียหาย ถ้าพร้อมแล้วเราไปรู้จักกับวิธีปลูกผักออร์แกนิกชนิดนี้กันเลย
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
– กล่องเจาะรูระบายน้ำที่ก้น หรือตะกร้าก็ได้เช่นกัน
– กล่องมีฝาปิดสำหรับบ่มเมล็ดทานตะวัน
– ผ้าขนหนูผืนใหญ่ หรือเสื้อเก่าที่สะอาด
– เมล็ดทานตะวันสำหรับเพาะต้นอ่อนโดยเฉพาะ
– กระดาษรองก้นในกรณีที่ใช้ตะกร้าเป็นภาชนะ
– ขุยมะพร้าว
ขั้นตอนการปลูกเพาะเลี้ยง
1.อันดับแรกให้เพื่อน ๆ นำเมล็ดทานตะวันของเราไปแช่น้ำอุ่นทิ้งไว้ประมาณ 8 ชั่วโมงก่อน ระวังอย่าให้น้ำร้อน เนื่องจากจะทำให้เมล็ดสุกและไม่งอก
2.เมื่อครบกำหนด ก็ให้นำเอาเมล็ดทั้งหมดมาบ่มในผ้าชุบน้ำหมาด ลักษณะก็คือนำผ้าชุบน้ำมาห่อหุ้มเมล็ดเอาไว้จนหมดสิ้น แล้วเก็บเข้ากล่องผิดฝาควบแน่นก็ได้ ทิ้งเอาไว้ 8 ชั่วโมงเช่นกันจะพบรากงอกออกมาเป็นจำนวนมาก
3.ต่อด้วยการนำขุยมะพร้าวที่ได้มาร่อนในตะกร้า หรือกระชอนหรือผ้าเขียวให้เหลือเพียงแต่ขุยมะพร้าวที่ละเอียด และเหมาะสมต่อการเพาะต้นอ่อนทานตะวัน
4.เสร็จสรรพให้นำกระดาษมารองก้นตะกร้า แล้วนำขุยมะพร้าวร่อนละเอียดใส่ลงไป ประมาณครึ่งภาชนะ รดน้ำให้ชุ่มชื้น
5.โรยเมล็ดทานตะวันที่รากงอกเต็มที่แล้วลงไป แล้วรดน้ำให้ชุ่มชื้นอีกรอบ
6.นำแต่ละตะกร้ามาวางซ้อนทับกัน แล้วเก็บไว้ในพื้นที่ร่ม หรือหากไม่สะดวกจะใช้ผ้าคลุมเอาไว้ก็ได้เช่นกัน
7.เมื่อทิ้งเมล็ดที่เพาะเอาไว้แล้วก็ควรหมั่นมาดูแลทุกวัน สำรวจทุกตะกร้าอย่าให้ดินแห้ง ต้องเติมน้าทุกวัน
8.ทิ้งเอาไว้สักประมาณ 5 วันก็ให้เอาตะกร้าที่ซ้อนทับกันออกมาวางเรียงแทน จะเห็นว่ามีต้นอ่อนสีขาวงอกออกมาเต็มไปหมด แต่ยังไม่เหมาะจำนำมารับประทานนะ ช่วงเวลานี้ก็ยังคลุมผ้าเอาไว้อยู่
9.จนกระทั่งถึงวันที่ 7 ก็ได้เวลาเอาต้นอ่อนทานตะวันสีเหลืองออกมาตากแดดจนกระทั่งใบของเขาเป็นสีเขียว แนะนำเป็นแดดเช้าจะดีที่สุด ใบของเขาจะเริ่มเขียวขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมต่อการเก็บเกี่ยวแล้วล่ะ
การเก็บเกี่ยว
ต้นอ่อนทานตะวันสามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่อมีอายุได้ 7 วัน โดยเราจะใช้คัดเตอร์ที่คมมาก กรีดลงไปที่กลางลำต้นแล้วนำมาปรุงอาหาร จะเก็บได้นานกว่าใช้มือถอนหรือเด็ด ส่วนเรื่องเมนูต่าง ๆ บอกเลยว่าสามารถเนรมิตได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสลัด ผัด ต้ม แกง หรือจะทอดกรอบก็อร่อย ดีงาม ถูกใจสายคลีน ชอบปลูกผักกินเองอย่างแน่นอน
และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวเกี่ยวกับการปลูกต้นอ่อนทานตะวัน ที่เราอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้รู้จัก เป็นอย่างไรกันบ้างคะ ไม่ยุ่งยากเลยใช่ไหม ถ้าใครจะลองปลูกเพื่อกินเองก็อาจจะเริ่มจากกระถางเล็กน่ารักก่อนก็เป็นได้ หรือถ้าจะปลูกผักเป็นอาชีพเสริมแนะนำให้ทำแต่น้อยก่อน อย่าลืมศึกษาวิธีการให้ละเอียดกันด้วยนะคะ ใครปลูกผักไม่เก่งหรือคิดว่าตัวเองเป็นคนมือร้อน อยากให้ลองดูมากเลยเพราะเจ้าต้นนี้งอกง่ายมาก ใช่เวลาเพียงแค่ 7 วันก็เห็นหน้าตาผลผลิตที่เราภาคภูมิใจนักหนาแล้วล่ะ
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับต้นไม้และพืชผักได้ที่ Plantlover.net