หมากน้ำนม อาจเป็นชื่อที่คุ้นหูของใครหลายคน เจ้าต้นนี้เป็นพันธุ์ไม้จากประเทศเพื่อนบ้านที่สามารถนำเข้ามาปลูกในประเทศไทยได้ทั่วทุกภูมิภาค ผลมีสีสวย รสชาติอร่อยตราตรึงใจ หากใครได้ลองก็ต้องรู้สึกอยากได้ต้นไปปลูก เนื่องจากไม่ค่อยมีขายกันทั่วไป และหากคุณคือคนหนึ่งที่กำลังสนใจเจ้าพันธุ์ไม้นี้อยู่ บอกเลยว่านี่คือสิ่งที่ต้องรู้เอาไว้
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
รู้จักกับหมากน้ำนมหรือสตาร์แอปเปิ้ล ผลไม้แสนอร่อย ปลูกง่าย!!
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Chrysophyllum cainito L.
ชื่อวงศ์ : Sapotaceae (วงศ์พิกุล)
ชื่อสามัญ : Star Apple
ชื่ออื่น : ลูกน้ำนม
หมากน้ำนม ผลไม้ลูกสีม่วงหน้าตาสะสวยนี้มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศปานามา และในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเป็นพืชพื้นเมืองของหลายประเทศตั้งแต่ฟิลิปปินส์ เวียดนาม กัมพูชา ปัจจุบันมีการกระจายตัวไปทั่วพื้นที่ของประเทศไทย รสชาติหวาน กลิ่นหอมโดดเด่น เนื้อสัมผัสนุ่ม แอบมีความเจลลี่เล็กน้อย หากผ่าออกมาจะเห็นว่ามียางคล้ายกับน้ำนม แต่กินแล้วไม่รู้สึกว่าฝาดแต่อย่างใด นับว่าเป็นหนึ่งในผลไม้น่าปลูก ที่หากใครได้ลองก็ต้องติดใจด้วยกันทั้งสิ้น
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลำต้น : หมากน้ำนมเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ความสูงอยู่ที่ราว ๆ 10-20 เมตร ลำต้นตรง ผิวต้นแตกเป็นร่อง สีน้ำตาลเข้ม
ใบ : เจ้าต้นนี้เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ออกแบบเรียงสลับกัน ลักษณะใบรูปหอกแกมไข่ โคนมน ปลายแหลม ขอบใบเรียบ แผ่นใบด้านบนสีเขียวเข้ม ท้องใบมีสีน้ำตาลทอง ในต่างประเทศจึงมีอีกหนึ่งชื่อเรียกว่า Golden leaf tree แผ่นใบหนา ผิวเป็นมันสวยงาม
ดอก : ดอกของเขาจะออกแบบเป็นช่อกระจุกบริเวณซอกใบ ขนาดค่อนข้างเล็ก ดอกย่อยกลีบสีน้ำตาลแกมเหลือง สวยงาม
ผล : ลูกหมากน้ำนมเป็นผลไม้หายาก จะออกเป็นลูกกลมแป้นเล็กน้อย ขนาดเท่ากำปั้น อาจมีสีเขียวอมม่วง หรือสีม่วงเข้มเลยเมื่อแก่จัด ผิวเกลี้ยง เนียนสวย ส่งกลิ่นหอมหวาน เมื่อผ่าตรงกลางลูกดูจะพบว่าด้านในมีเนื้อสีขาว ด้านในมี 5 เมล็ดทำให้เนื้อดูมี 5 แฉกเหมือนดาว มียางด้านในราวกับน้ำนม รสชาติอร่อย ไม่หวานเกินไป ในหนึ่งปีจะออกผลเพียงหนึ่งครั้งช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม
ประโยชน์
นอกจากการปลูกเพื่อรอกินผลแล้ว เจ้าหมากน้ำนมก็ยังเป็นต้นไม้ประดับ สวยงาม ให้ความร่มรื่นแก่บ้านเราได้อีกด้วย เนื่องจากต้นค่อนข้างใหญ่ ทรงพุ่ม ใบแน่น ผลของเขามีประโยชน์ด้านการต้านอนุมูลอิสระ ส่วนเปลือกของเขาใช้ต้มดื่มเป็นยาแก้ไอได้
การขยายพันธุ์
ความจริงแล้วต้นหมากน้ำนม ก็สามารถขยายพันธุ์ได้หลากหลายวิธีเช่นเดียวกันกับต้นไม้ชนิดอื่น ๆ ตั้งแต่วิธีการเพาะเมล็ด ไปจนถึงการตอนกิ่งซึ่งค่อนข้างนิยมมากกว่าวิธีการอื่น ๆ เนื่องจากเป็นวิธีการที่ไม่ยุ่งยาก เพื่อน ๆ สามารถทำตามได้ดังต่อไปนี้
อุปกรณ์ที่ต้องใช้
1.ถุงใส่แกงขนาด 4×6 นิ้ว
2.ขุยมะพร้าว
3.น้ำ
4.น้ำยาเร่งราก
5.ถังผสม
6.เชือกปอแก้ว
7.มีดควั่น
8.กรรไกรตัดกิ่ง
9.ถุงเพาะชำ
ขั้นตอนการทำตุ้มตอนกิ่ง
1.นำขุยมะพร้าวมาร่อนกับตะแกรงเพื่อให้มีความละเอียดมากยิ่งขึ้น หรือถ้าหากไม่มีตะแกรงก็สามารถใช้ขุยมะพร้าวหยาบ ๆ ได้เลย
2.นำขุยมะพร้าวที่ได้มาเทลงในถังหรือกะละมังสำหรับผสม
3.จากนั้นก็ผสมน้ำยาเร่งรากให้เข้ากับน้ำ ส่วนปริมาณให้ยึดจากฉลากของน้ำยาเร่งรากเป็นหลัก เนื่องจากแต่ละยี่ห้อมีส่วนผสมและปริมาณการใช้แตกต่างกันออกไป
4.เทน้ำยาเร่งรากที่ผสมกับน้ำเสร็จสรรพแล้วเรียบร้อยลงไปผสม คลุกเคล้าให้เข้ากับขุยมะพร้าว ให้เขาเปียกกำลังดี
5.จากนั้นก็นำขุยมะพร้าวที่ได้บรรจุลงไปในถุงแกงไม่ต้องแน่นมาก
6.ปิดปากถุงด้วยเชือกปอแก้วเหมือนการใช้หนังยางรัดแกงก็เป็นอันเสร็จสิ้น
วิธีการตอนกิ่งต้นหมากน้ำนม
1.ให้เราเลือกกิ่งที่ไม่อ่อนหรือแก่จนเกินไปจากต้นแม่ที่สมบูรณ์ดี โดยเราจะเลือกตัดที่บริเวณ 50 เซนติเมตรนับจากปลายกิ่ง
2.จากนั้นใช้มีดควั่นรอบกิ่งเพื่อเอาเปลือกไม้ออกจนเผยเห็นเนื้อไม้ด้านใน ให้เป็นแผลที่มีความยาวตั้งแต่ 1-2 เซนติเมตร แล้วขูดเนื้อเยื่อไม้ออกด้วยเล็กน้อย
4.จากนั้นก็ใช้มีดผ่าที่กลางตุ้มตอน แล้วนำไปหุ้มที่แผลของกิ่ง ขั้นตอนนี้ต้องระวังอย่าให้ขุยมะพร้าวหลุดลงมา ต้องแนบไปกับกิ่งมากที่สุด
5.จากนั้นใช้เชือกปอแก้วมัดหัวและท้ายตุ้มตอนให้แน่น ไม่ขยับไปมา เนื่องจากตุ้มจะต้องอยู่กับกิ่งไม้ไปอีกหลายวัน
6.รอเวลาจนกระทั่งรากของหมากน้ำนมเริ่มงอกออกมาจนเต็มตุ้ม ก็พร้อมใช้กรรไกรตัดกิ่งแล้วนำไปเลี้ยงในถุงเพาะชำจนกระทั่งต้นไม้เริ่มโตขึ้น
การปลูก / ดูแล
หมากน้ำนมจะเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดีในสภาพดินร่วนปนทราย ทั้งนี้ก็ต้องเป็นดินที่ระบายน้ำดี อาจปลูกบนที่โคกก็ได้เช่นกัน ถึงแม้ว่าจะเป็นต้นไม้ที่ทนแล้งได้ดี แต่ก็เป็นต้องรดน้ำให้เขาสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง และยังควรปลูกในพื้นที่ที่แสงแดดส่องถึงตลอดทั้งวัน
และนี่ก็คือเรื่องราวเกี่ยวกับ ต้นหมากน้ำนมหรือสตาร์แอปเปิล ผลไม้แปลก หาทานได้ยากในเมืองไทย หากใครได้ลองก็ต้องติดใจ อยากมีเอาไว้ที่บ้าน ซื้อปลูกตอนนี้อีกไม่เกิน 3 ปีก็ผลิดอกออกผลมาให้รับประทานแล้วล่ะ ถ้าเพื่อน ๆ สนใจก็อย่าลืมลองซื้อหามาครอบครองกันนะคะ
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับต้นไม้และพืชผักได้ที่ Plantlover.net