หากกล่าวถึง “กระจับเขาควาย” ก็เชื่อว่าเป็นพืชที่เด็กหลายคนไม่รู้จัก เนื่องจากไม่ค่อยพบเจอมากนักในสมัยนี้ ยกเว้นในบางจังหวัด ฝักของเจ้าพืชน้ำดังกล่าว ใช้ต้มกินเล่น รสชาติมัน ๆ อร่อย แต่ค่อนข้างหาทานยากหน่อยในปัจจุบัน ส่วนใครสนใจอยากปลูก เราก็มีวิธีการและเคล็ดลับมาแนะนำเช่นกัน รับรองว่าอยู่ที่ไหนก็ปลูกได้ และต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณต้องรู้เอาไว้!!
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
รู้จักกับกระจับเขาควาย พันธุ์น่าปลูก ฝักกินได้ อร่อยด้วย!!
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Trapa bispinosa Roxb.
ชื่อวงศ์ : Trapaceae (วงศ์ตะแบก)
ชื่อภาษาอังกฤษ : Water Caltrops
ชื่อไทยและอื่น ๆ : กระจับเขาแหลม
กระจับเขาควาย เดิมทีเป็นเพียงวัชพืชคลุมน้ำ ที่หากได้อยู่ในหนองน้ำใดจะแผ่กระจายตัวปกคลุมไปทั่วหนองน้ำนั้น จนกระทั่งแสงส่องลงสู่ท้องน้ำไม่ได้เลย ทำให้ส่งผลเสียต่อระบบนิเวศน์ เจ้าพืชชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศไทย รวมถึงประเทศอื่นในทวีปเอเชีย ซึ่งที่มาของคำว่า “เขาควาย” นั้นก็มาจากรูปร่างของฝักกระจับที่มีลักษณะคล้ายกับหน้าและเขาของควาย แถมยังมีสีดำอีกด้วย บังเอิญว่านำมาทานเล่นได้ รสมันคล้ายเม็ดขนุนผสมกับแห้ว เป็นเอกลักษณ์ จึงกลายเป็นพืชที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ สำหรับคนที่อยากลองปลูกกระจับ ในน้ำเอาไว้กินเอง หรือปลูกขาย อยากให้ลองเรียนรู้ข้อมูลในเบื้องต้นก่อน
จังหวัดที่ปลูกกระจับเขาควายกันมากที่สุด
– สุพรรณบุรี
– สิงห์บุรี
– ชัยนาท
– อ่างทอง
– อุทัยธานี
– นครศรีธรรมราช
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลำต้น : ลำต้นของเจ้าพืชน้ำ ชนิดนี้จะแบ่งออกเป็นสองส่วน ได้แก่ส่วนแรกที่หยั่งลงสู่ดินใต้น้ำ จะแตกไหล เลื้อยเป็นข้อปล้อง และอีกส่วนโผล่บนผิวน้ำ เชื่อมต่อกับใบ ประกอบด้วยช่องของรากอากาศ
ใบ : ใบกระจับเขาควายจะแบ่งออกเป็นสองส่วน ได้แก่ ใบใต้น้ำ จะมีลักษณะคล้ายรากเรียวยาว มีสีเขียว ส่วนที่เรามักเห็นกันก็คือ ใบเหนือน้ำ ซึ่งมีรูปทรงแบบข้าวหลามตัด ฐานกว้าง ขนาดโดยประมาณ 5-7 เซนติเมตร สีเขียว มีเส้นใบสีน้ำตาลอมแดง ผิวเป็นมัน ขอบใบหยัก จัดว่าสวยงาม กระจับบางสายพันธุ์นำมาปลูกเป็นไม้ประดับในกระถางบัวก็ได้เช่นกัน
ดอก : ดอกของเขาจะเป็นดอกเดี่ยว แทงออกตามซอกใบชูเหนือน้ำ มีทั้งหมด 4 กลีบ ดอกเป็นสีขาว
ผล : ผลหรือฝักกระจับเขาควาย พัฒนามาจากกลีบเลี้ยงของดอก เมื่อแก่แล้วเปลือกของฝักจะแข็ง มีลักษณะคล้ายกับใบหน้าหน้าและเขาของควาย ผิวเปลือกมีสีม่วงไปจนถึงดำ เนื้อด้านในจะเป็นก้อนแป้งสีขาว
การขยายพันธุ์ / ปลูก
กระจับ ขยายพันธุ์ง่ายมาก สามารถเจริญเติบโตได้ดีทั้งในน้ำลึกและตื้น โดยเฉพาะกระจับเขาควาย จะขยายพันธุ์ไปเรื่อยด้วยตัวเองโดยการแตกไหล ซึ่งเราสามารถตัดให้ติดลำต้นมาประมาณ 10-20 เซนติเมตร โดยเลือกไหลที่สดใส แข็งแรง แล้วนำมาปลูกต่อได้เลย สำหรับการปลูกกระจับ เราจะต้องมีสถานที่เตรียมเอาไว้ก่อนเป็นอันดับแรก จะขอยกตัวอย่างเคสที่ปลูกเอาไว้ทานกันเองในครอบครัวขนาดเล็ก จะมีสิ่งที่เราต้องใช้ดังต่อไปนี้
อุปกรณ์
1.บ่อ / กระชังผ้าใบ / วงคอนกรีต / บ่อคอนกรีต (แล้วแต่กรณี) ขนาดเอาตามสะดวก แต่ความลึกประมาณ 50 เซนติเมตรขึ้นไป
2.ดินที่ค่อนข้างเหนียว
3.ต้นพันธุ์กระจับเขาควาย
4.น้ำ
ขั้นตอนวิธีการปลูกกระจับ
1.นำดินเหนียวหรือดินที่ค่อนข้างมีความเหนียวหน่อย มาปูลงในบ่อคอนกรีตให้มีความหนาสักประมาณ 4 -6 นิ้ว
2.จากนั้นเติมน้ำลงไป จะใช้เป็นน้ำสะอาด น้ำประปา น้ำบาดาลอย่างไรก็ได้ เนื่องจากกระจับนั้นเป็นวัชพืชจึงค่อนข้างแข็งแรง ไม่เกี่ยงที่อยู่อาศัยเท่าไรนัก
3.จากนั้นนำต้นอ่อนของกระจับ ในส่วนที่เป็นรากมากดลงไปในดินเหนียว ให้ลึกสักประมาณ 5 – 7 เซนติเมตร จากนั้นปล่อยทิ้งเอาไว้ในพื้นที่ที่แสงแดดส่องถึงตลอดทั้งวัน
4.จากนั้นเขาก็จะแตกหน่อ แผ่ขยายไหลออกมาจนกระทั่งเต็มบ่อเลยล่ะ
การดูแล
สำหรับการดูแลกระจับเขาควายนั้นไม่ยุ่งยาก เนื่องจากเขาเป็นวัชพืชที่สามารถเติบโตได้ดีตามธรรมชาติอยู่แล้ว หากปลูกเอาไว้กินเองในครัวเรือน ไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ยแต่อย่างใด ปล่อยทิ้งเอาไว้ได้เลย เพียงแต่ในหน้าร้อนอาจจะต้องระวังน้ำระเหย รั่ว ซึม หมั่นรักษาน้ำให้อยู่ในระดับมากกว่า 40 เซนติเมตร ก็เป็นอันเพียงพอ
ระยะเก็บเกี่ยว
ระยะเวลาเก็บเกี่ยว กระจับจะอยู่ที่ประมาณ 5 เดือนนับตั้งแต่วันปลูก เขาจะเริ่มออกดอกช่วง 3-4 เดือนจนกระทั่งเป็นฝัก จะใช้เวลาอยู่ที่ประมาณ 1 เดือนจึงสามารถเก็บฝักแก่มาต้มเพื่อรับประทานได้ หนึ่งกอจะมีผลประมาณ 7-8 ตัว ส่วนวิธีสังเกตว่าฝักไหนแก่แล้ว ให้ลองใช้นิ้วมือบีบที่ปลายเขากระจับดู หากแข็งมากก็สามารถเก็บเกี่ยวโดยหักฝักออกมาได้เลย ส่วนฝักอ่อนผิวก็จะอ่อนและเหนียว ไม่สามารถนำมารับประทานได้
ราคากระจับ
เรื่องราคาของฝักกระจับเขาควายนั้นแตกต่างกันออกไปตามช่วงฤดู แต่จะอยู่ที่ราว ๆ 11-18 บาทต่อกิโลกรัม
และนี่ก็คือเรื่องราวเกี่ยวกับการปลูกกระจับเขาควายที่เราตั้งใจนำเสนอให้เพื่อน ๆ ได้มาทำความรู้จัก บอกเลยว่าเขาเป็นพืชมหัศจรรย์ รสชาติอร่อย แถมสร้างกำไรได้อย่างงดงาม ใครอยากปลูกไว้ขายก็อาจจะต้องมีพื้นที่กว้างขวางเป็นไร่ หรือจะใช้ทุ่งนาเก่าก็ได้เช่นกัน สุดท้ายนี้เราก็หวังอ่างยิ่งว่าสิ่งที่นำมาฝากจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนนะคะ
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับต้นไม้และพืชผักได้ที่ Plantlover.net