สนเลื้อย หน้าตาของเขาแตกต่างไปจากสนที่เรารู้จักหรือพบเจอกันอยู่ทั่วไป เจ้าต้นไม้ต้นนี้สวยงาม น่าค้นหา ถึงแม้ว่าจะเป็นไม้เมืองหนาวแต่ก็สามารถปลูกในประเทศไทยได้ หากคุณกำลังมีความสนใจเกี่ยวกับสนเลื้อยอยู่และอยากมีเอาไว้ในครอบครอง ก็อย่าได้พลาดเรื่องราวที่เรานำมาฝากเด็ดขาด ส่วนเขาจะเหมาะกับใคร ดูแลอย่างไร มีแบบไหน ตามมาดูกันเลยดีกว่า
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
รู้จักกับ “สนเลื้อย” ไม้ประดับ เกาหลี หน้าตาดี น่าค้นหา!
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Juniperus procumbens (Siebold ex Endl.) Mig
ชื่อวงศ์ : Cupressaceae (วงศ์สนแผง)
ชื่อภาษาอังกฤษ : Creeping Juniper
สนเลื้อย เป็นต้นไม้ในตระกูลเดียวกันกับสนแต่ทว่ามีพุ่มเตี้ย เอนเลื้อยไปเรื่อยทอดยาวไม่ไกล ว่ากันว่าเจ้าต้นไม้เลื้อยนี้ มีถิ่นกำเนิดมาจากทางประเทศเกาหลี ญี่ปุ่น บ้างก็ว่ามาจากทางอเมริกาเหนือ โดยเฉพาะประเทศแคนาดา แต่โดยรวมแล้วก็เป็นพืชเมืองหนาว มักปลูกเอาไว้เพื่อคลุมดินในสวน นำมาปลูกในเมืองร้อนอย่างประเทศเราได้สบาย ๆ ทว่าต้นสนจะไม่เปลี่ยนสีก็เท่านั้นเอง
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลำต้น : มีลักษณะเป็นพุ่ม ทอดยาวในแนวราบได้ไกลราว ๆ 1 เมตร มีความสูงของลำต้น 30-50 เซนติเมตรโดยประมาณ กิ่งก้านค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดของลำต้นและค่อนข้างแข็งแรง
ใบ : ลักษณะใบของสนเลื้อยจะเป็นรูปเข็ม สีเขียวอ่อน (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์) แถบปากใบสีเทา ปลายใบเรียวแหลม แผ่นใบนั้นโค้งนูน ใต้ใบเว้า ออกใบเป็นกระจุกสั้น แน่น บางพันธุ์ใบก็อาจมีเกล็ดด้วย ขนาดความยาว 6-8 มิลลิเมตร กว้าง 1-1.5 มิลลิเมตรโดยประมาณ
ดอก : บางสายพันธุ์ไม่มีดอก
ประโยชน์ของสนเลื้อย
1.เป็นไม้ปลูกเอาไว้คลุมดิน เพื่อกันวัชพืชต่าง ๆ
2.ปลูกเพื่อทำเป็นบอนไซ อาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการดัด ตัดแต่งให้ตรงตามใจต้องการ และใช้ระยะเวลานานหลายปี แต่ทั้งนี้ก็คุ้มค่าทางด้านจิตใจและเพิ่มมูลค่าได้อย่างมากมายมหาศาล
3.ปลูกเพื่อเป็นไม้ประดับ จัดสวนสวยงามเจริญตา
การขยายพันธุ์
สำหรับการขยายพันธุ์สนเลื้อย ส่วนใหญ่มักใช้วิธีการปักชำกิ่ง ซึ่งเป็นวิธีที่ง่าย ไม่ยุ่งยาก มือใหม่ก็สามารถทำได้ เห็นผลลัพธ์รากงอกเร็ว และนี่คือวิธีการและสิ่งที่คุณต้องเตรียมก่อนเริ่มขยายพันธุ์
วัสดุและอุปกรณ์
1.กรรไกรตัดกิ่ง
2.มีด
3.น้ำยาเร่งราก ขุยมะพร้าว
4.กาบมะพร้าวหั่นขนาดเท่าลูกเต๋า
5.กระถางหรือถุงเพาะชำที่มีรูสำหรับระบายน้ำบริเวณก้น
ขั้นตอนการปักชำกิ่งต้นสน
1.อันดับแรกให้เราทำการคัดเลือกกิ่งที่คิดว่าสมบูรณ์ ดูดีมากที่สุดจากต้นแม่เอาไว้ก่อน
2.เมื่อเล็งเห็นกิ่งที่ต้องการแล้ว ก็ทำการใช้กรรไกรตัดกิ่งตัดลงไปยังกิ่งหรือยอดที่ต้องการได้เลย กะขนาดสักประมาณ 1 คืบ สำหรับมือใหม่ ไม่ต้องคำนึงถึงการตัดเฉียงหรืออย่างไรก็ได้ เนื่องจากเขาเป็นต้นไม้ที่เพาะชำง่ายอยู่แล้ว
3.จากนั้นใช้มีดมาขูดผิวไม้สีน้ำตาลที่กิ่งออกให้หมด จนเห็นผิวสีเขียวอ่อนด้านใน จากนั้นวางทิ้งเอาไว้ให้เขาคลายน้ำสักหน่อยเป็นเวลาประมาณ 10 นาที
4.นำขุยมะพร้าวและกาบมะพร้าวสับแช่น้ำทิ้งไว้ช่วงนี้เลยก็ได้ หรือจะแช่ค้างคืนเอาไว้ล่วงหน้าก็ได้เช่นกัน
5.เมื่อทิ้งเอาไว้จนกิ่งสนเลื้อยเริ่มคลายน้ำแล้ว ก็นำลงไปจุ่มในน้ำยาเร่งราก เขาจะดูดซึมน้ำยาได้ดีมากยิ่งขึ้น จากนั้นแช่ทิ้งเอาไว้ประมาณ 1-2 ชั่วโมง
6.ระหว่างรอก็เตรียมกระถางแบบง่าย ๆ นำขุยมะพร้าวที่แช่น้ำทิ้งเอาไว้จนอิ่มแล้วมาผสมกับกาบมะพร้าวลงในกระถาง ไม่ต้องเต็มถึงปากกระถางนะ เว้นระยะจากปากกระถางเอาไว้สัก 1 นิ้ว
7.นำกิ่งที่แช่น้ำยาเร่งรากครบ 1-2 ชั่วโมงมาปักลงในกระถาง
8.วางกระถางทิ้งไว้ในพื้นที่ที่มีแสงแดดรำไร ห้ามโดนแดดจัดเป็นเวลาสักประมาณ 2 เดือน รากของต้นสนเลื้อยก็จะงอกออกมาจนพร้อมนำไปปลูกแล้วล่ะ
การปลูก / ดูแล
สนเลื้อย ไม่ใช้ต้นไม้ดูแลง่ายในอุดมคติของใครหลายคน เนื่องจากระหว่างทางจะเต็มไปด้วยปัญหามากมาย หากไม่มีเวลามากพอ แต่ถ้าใส่ใจก็การันตีว่าคุณจะเลี้ยงต้นไม้ จัดสวนชนิดนี้รอดอย่างแน่นอน
การปลูกสนเลื้อย ควรปลูกในดินร่วนปนทราย ระบายน้ำดี เขาเป็นต้นไม้ที่ไม่ชื่นชอบความเฉอะแฉะ ตอนเพาะพันธุ์อาจจะต้องหลบแดดไปบ้างก็จริง แต่เมื่อต้นโตแล้วจะต้องย้ายออกมาโดนแสงแดดตลอดทั้งวัน แดดจัดเจิดจ้าแทนทั้งนี้เรื่องน้ำไม่เป็นปัญหา เพราะสามารถรดน้ำน้อย ๆ ได้เลย สัปดาห์ละ 3 ครั้งก็เป็นอันเพียงพอ แต่ต้องเว้นระยะให้สม่ำเสมอหน่อย เขาเป็นไม้เมืองหนาว ที่สามารถปลูกในประเทศไทยได้ เพราะทนต่อสภาพแวดล้อม แต่อาจจะโตช้าหน่อยก็เท่านั้นเอง
ส่วนปัญหาใบแห้ง หรือใบเป็นสีน้ำตาล อาจเกิดจากการรดน้ำไม่เพียงพอ หรือรับแสงไม่เพียงพอ สามารถแก้ได้โดยการทำตามวิธีดูแลต้นไม้ที่เราแนะนำไปก่อนหน้า
และนี่ก็คือข้อมูลเกี่ยวกับสนเลื้อย ต้นไม้เกาหลีที่เราอยากแนะนำให้คุณทั้งหลายได้รู้จัก เขาเป็นต้นไม้ที่ค่อนข้างน่ารัก สามารถแต่งสวนได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการปลูกเอาไว้ตามสวนหิน ปลุกแต่งสวนตามแนวบันไดก็สวยไปอีกแบบ ใครสนใจก็อย่าลืมศึกษารายละเอียด ถ้าเห็นว่าเหมาะกับเราหรือชอบมาก ๆ อยากมีไว้ในครอบครองก็อย่ารอช้า หามาปลูกกันเลยจ้า!
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับต้นไม้ได้ที่ Plantlover.net