ในปัจจุบัน “ต้นกระท่อม” ถูกปลดออกจากการเป็นยาเสพติดประเภทที่ 5 แล้ว หากได้ขับรถไปตามข้างทางในทุกจังหวัดคงได้เห็นว่า มีการต้มน้ำกระท่อมขายอยู่ทั่วไป เกิดเป็นธุรกิจใหม่ที่ทำให้หลายคนคิดอยากปลูกกระท่อมไว้ขายใบ เพื่อเป็นรายได้เสริม แต่จะปลูกอย่างไร มีสิ่งไหนทำได้และไม่ได้บ้าง วันนี้เรามีความรู้มาฝาก!!
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
รู้จักกับ “ต้นกระท่อม” พืชเศรษฐกิจใหม่ ปลูกได้ แต่…
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Mitragyna speciosa
ชื่อวงศ์ : Rubiaceae (วงศ์เข็ม)
ชื่อภาษาอังกฤษ : Kratom
ชื่อไทย : กระท่อม, ท่อม, ท่ม, อีถ่าง (ภาคใต้), อีด่าง, อีแดง, กระอ่วม (ภาคเหนือ)
“กระท่อม” ที่เราจะพาทุกท่านมาทำความรู้จักในวันนี้ ไม่ใช่ Cottage แต่อย่างใด มันคือไม้ยืนต้นที่เคยเป็นยาเสพติดประเภทที่ 5 ของประเทศไทยมาก่อน จนกระทั่งถูกปลดออกจากการเป็นสิ่งเสพติดเมื่อปีพ.ศ. 2564 พืชชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดจากทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เขตร้อนชื้นอย่างประเทศไทย มลายู และเกาะนิวกินี
สายพันธุ์
สายพันธุ์ของต้นกระท่อมที่พบในประเทศไทยนั้น จะมีอยู่ด้วยกันสามชนิดหลัก ๆ ดังต่อไปนี้ สายพันธุ์ก้านแดง, สายพันธุ์แตงกวา (ก้านเขียว) และยักษาใหญ่ (ใบใหญ่) แต่ก็ยังมีการนำกระท่อมพันธุ์อื่น ๆ มาปลูกอีกเช่นกัน ส่วนคำถามที่ว่า ปลูกกระท่อม พันธุ์ไหนดี? ตรงนี้น่าจะขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ในการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งเราขอแนะนำดังนี้
– ปลูกเพื่อบริโภคใบสด หากต้องการใบที่ไม่ขม มีรสชาติมันหน่อย เหมาะสำหรับมือใหม่อาจเริ่มจาก “พันธุ์แตงกวา” ก่อน เนื่องจากทานง่าย ออกฤทธิ์ไม่รุนแรง
– ปลูกเพื่อต้มเป็นชา กรณีต้มน้ำกระท่อมจะต้องตากแห้งก่อน ซึ่งมีฤทธิ์อ่อนกว่าการกินใบกระท่อมสด ส่วนใหญ่ตามท้องตลาดมักนิยมใช้ “พันธุ์ก้านแดง” เสียมากกว่า
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า กระท่อม มีลักษณะเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง เขาจึงมีความสูงอยู่ที่ระหว่าง 10-15 เมตร แก่นไม้มีเนื้อแข็ง เป็นใบแบบเลี้ยงเดี่ยวออกเรียงคู่ตรงข้าม ซึ่งขนาดใบของแต่ละสายพันธุ์จะแตกต่างกันออกไป ส่วนดอกกระท่อมจะออกเป็นช่อกลม ๆ มีสีเหลือง ขนาดเท่าลูกพุทรา
การขยายพันธุ์
สำหรับการขยายพันธุ์กระท่อมให้เจริญเติบโตอย่างดีนั้น สามารถทำได้ทั้ง 3 วิธี ซึ่งมีรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
1.การเพาะเมล็ด เมล็ดกระท่อมมีปีกบาง เมื่อร่วงหล่นปลิวไปตามกระแสลมหรือกระแสน้ำ ก็สามารถเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติได้ เราจึงมักเห็นต้นกระท่อมอยู่ตามริมน้ำ ริมธาร หากต้องการเพาะพันธุ์กระท่อมจากเมล็ดแบบเกิดแน่นอน แนะนำให้เพาะบนดินพีชมอสชุ่มน้ำ อาจใช้เป็นกระบะเล็กใหญ่ตามสะดวก นำเมล็ดโรยลงไป แล้วโรยดินพีชมอสทับหน้าบาง ๆ รดน้ำจนชุ่มแล้วแรปด้วยพลาสติกเพื่อรอเขางอกขึ้นมา ก่อนนำไปเลี้ยงต่อในถุงเพาะอีกที เมื่อต้นโตประมาณ 15-20 เซนติเมตรแล้วจึงนำไปปลูกได้!!
2.การทาบกิ่ง การทาบกิ่งกระท่อมนั้นมีวิธีที่อาจซับซ้อนและต้องละเอียด เราจึงอยากขอแนะนำให้ทุกท่านเข้าไปศึกษารายละเอียดอย่างรอบคอบเสียก่อน
แนะนำวิดีโอในการทาบกิ่งกระท่อม : https://www.youtube.com/watch?v=k7p2niqdAqo
3.การปักชำ ส่วนการปักชำกระท่อมเราควรใช้กิ่งที่ไม่แก่หรืออ่อนเกินไปเพื่อปักชำ และวิธีการชำน้ำก็ถือว่าได้รับความนิยมเช่นกัน
แนะนำวิดีโอในการชำกระท่อม : https://www.youtube.com/watch?v=X9-5XWQJk5Y
สิ่งที่ควรรู้และตระหนักจากการใช้ใบกระท่อม
ข้อดี : บรรเทาอาการปวด, ทำให้นอนหลับง่าย, ลดการหลั่งกรดในกระเพาะ, ทำให้มีสมาธิมากยิ่งขึ้น
ข้อเสีย : หากเสพเข้าไปในปริมาณมากอาจทำให้เกิดอาการหลอน, วิตกจริต, ใจเต้นแรง, ท้องผูก, เหงื่อออก, ปัสสาวะบ่อย, แพ้แสง, ทำให้ผิวเข้มขึ้น
สิ่งที่ควรทราบก่อนทำธุรกิจเกี่ยวกับต้นกระท่อม
ใครปลูกได้บ้าง : การปลูกกระท่อมทำได้โดยเสรี เท่ากับว่าใครก็สามารถปลูกได้ แต่การปลูก ขาย ส่งออกหรือนำเข้าในเชิงอุตสาหกรรมจะต้องได้รับใบอนุญาตในการกระทำนั้น ๆ ก่อน
ขายใบกระท่อม ผิดกฎหมายไหม : การขายใบกระท่อมไม่ผิดกฎหมาย แต่ห้ามจำหน่ายแก่บุคคลผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ หญิงมีครรภ์และให้นมบุตร และหากขายในสถานศึกษา หอพัก สวนสาธารณะ สวนสัตว์ สวนสนุก ตามสื่อออนไลน์จะมีโทษปรับ ผู้ใดปลูกหรือขายเกินอัตราที่กฎกระทรวงกำหนดก็มีโทษปรับเช่นกัน
ต้มน้ำกระท่อมขาย : ต้องขออนุญาตผลิตตาม พ.ร.บ. ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. 2562 และห้ามผู้ใดจำหน่ายหรือบริโภคน้ำต้มที่ปรุงผสมกับยาเสพติดให้โทษหรือน้ำกระท่อมผสมยาแก้ไอ หากฝ่าฝืนมีโทษปรับ
ประเมินโอกาสทางธุรกิจเกี่ยวกับกระท่อม
สำหรับช่วงนี้ใบกระท่อมมีราคาอยู่ที่กิโลกรัมละประมาณ 120 บาท และมีแนวโน้มว่าอาจลดลงเรื่อย ๆ เนื่องจากมีการปลูกตามบ้านและปลูกเพิ่มมากขึ้น แต่ถ้าเพื่อน ๆ ชื่นชอบพืชเศรษฐกิจแนวนี้ ปลูกเพราะใจรัก ในอนาคตก็อาจจะพอไปไหว
และนี่ก็คือข้อมูลเกี่ยวกับ “ต้นกระท่อม” ที่เรารวบรวมมาฝากทุกคนโดยสังเขป น่าจะพอทราบข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าต้นไม้นี้แล้วว่ามีข้อดี ข้อเสียอย่างไร ถึงเขามีประโยชน์แต่ก็ตามมาด้วยโทษเช่นกัน ดังนั้นผู้บริโภคก็ควรระมัดระวังในการใช้งานในปริมาณพอเหมาะและคำนึงถึงกฎหมาย ไม่เช่นนั้นจะต้องเสียค่าปรับกันเป็นครึ่งแสนเลยนะคะ
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับต้นไม้ได้ที่ Plantlover.net
