ถ้าพูดถึงไม้เลื้อยออกดอกสีขาวเต็มต้น แถมยังดูแลง่าย เชื่อว่าลดาวัลย์ ก็เป็นหนึ่งในพันธุ์ไม้ที่ควรค่าแก่การมีติดบ้านไว้สักต้น เนื่องจากเมื่อปลูกไปสักระยะก็จะแผ่ขยายพุ่มกว้างอย่างรวดเร็ว ออกดอกบานสะพรั่ง ส่งกลิ่นหอมอบอวลชวนให้เจ้าของสบายใจ ใครผ่านไปมาได้รับคำชื่นชม ดูแลง่าย ไม่ยุ่งยากมากความ สำหรับคนอยากปลูก หรือคนที่มีดอกไม้เอาไว้ในครอบครองเรียบร้อยแล้ว ต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณควรรู้เอาไว้!
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
รู้จักกับ “ลดาวัลย์” ไม้เลื้อยดอกสีขาว ปลูกเป็นซุ้มสวย กับเรื่องที่คุณต้องรู้!
ลดาวัลย์ จัดอยู่ในประเภทไม้เถาเลื้อยแบบไม่ผลัดใบ ซึ่งสามารถทอดเลื้อยไปได้ไกล 5-20 เมตรเลยทีเดียว ถิ่นกำเนิดเกิดอยู่ในบ้านเรา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ลาว กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และประเทศไทย ซึ่งมีภูมิประเทศแบบเขตร้อนชื้น ทำให้เมื่อนำมาปลูกเลี้ยงจึงดูแลง่าย เจริญเติบโตได้ดี
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Porana volubilis
ชื่อวงศ์ : Convolvulaceae (วงศ์ผักบุ้ง)
ชื่อสามัญ : Bridal Creeper, Snow Creeper และ Snow Vine
ชื่อภาษาไทยอื่น : ลัดดาวัลย์, ลดา, นดา, กะลาเผือก และมอกหันเซะ
ความหมาย
ชื่อของ “ลดาวัลย์” เป็นคำไทยที่ยืมมาจากภาษาบาลีและสันสกฤต โดยคำว่า “ลดา” มีความหมายถึงพืชประเภทเถาวัลย์ ส่วนคำว่า “วัลย์” หมายถึงพืชเครือเถายาว เมื่อนำมารวมกันจึงสื่อถึงรูปพรรณสัณฐานของเจ้าต้นไม้ชนิดนี้
ความเชื่อ
คนไทยเชื่อว่าไม้ชนิดนี้เป็นไม้มงคล สื่อถึงความรื่นภิรมย์ในชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปลูกเอาไว้ทางทิศตะวันออกของบ้าน
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลำต้น : เป็นไม้เถาแบบ Twining stem โดยจะมีลักษณะเด่นคือเนื้ออ่อน ไต่ขึ้นที่สูงแบบบิดเกลียวพันไปตามสิ่งของต่าง ๆ เถาค่อนข้างแข็งแรง เนื้อไม้สีน้ำตาลอมเทา กิ่งอ่อนสีเขียว สามารถทอดเลื้อยไปได้ไกลถึง 20 เมตรเลยทีเดียว
ใบ : เป็นใบเดี่ยวรูปหอกกลับ หรือรูปหัวใจ ปลายใบแหลม โคนเว้าลึก ขอบใบเรียบ แผ่นใบบาง ผิวสีเขียว มีขนสั้นปกคลุม
ดอก : ออกเป็นช่อเชิงลดที่บริเวณซอกใบหรือปลายยอด พบดอกย่อยรูปกรวยเป็นจำนวนมาก มีกลีบเลี้ยงสีเขียว กลีบดอกสีขาว ปลายดอกแยกเป็น 5 กลีบ ปลายกลีบพับย่นเล็กน้อย สามารถออกดอกได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงฤดูแล้ง เริ่มตั้งแต่อากาศหนาวประมาณ 15-30 วันก็จะเริ่มเห็นดอกไม้สีขาวเริ่มบาน ส่งกลิ่นหอมแรงยามเช้าตามสไตล์ดอกไม้ไทย
ผล : รูปทรงกระเปาะ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2-4 มิลลิเมตร ผลแก่สีน้ำตาล เมล็ดด้านในสีดำ
ประโยชน์
อย่างที่หลายคนทราบกันดีว่าเขาเป็นไม้พื้นถิ่น ทนแดด ทนฝน ดังนั้นหลายบ้านจึงนิยมปลูกลดาวัลย์เอาไว้ให้เขาเลื้อยขึ้นหลังคา ไม้ระแนงต่าง ๆ เป็นไม้เลื้อยทำซุ้มบังแดด ยามออกดอกสีขาวส่งกลิ่นหอม เย้ายวนใจ
การขยายพันธุ์
ลัดดาวัลย์ ขยายพันธุ์ง่ายได้หลากหลายวิธี ทั้งการตอนกิ่ง ทาบกิ่ง ปักชำ และเพาะเมล็ด แต่วิธีการที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คงจะเป็น “การปักชำ” แนะนำให้ทำในช่วงฤดูฝนจะมีอัตราการงอกสูงที่สุด สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยากเพิ่มจำนวนประชากรต้นลดาวัลย์ด้วยตัวเองสามารถทำตามนี้ได้เลย
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
– ลดาวัลย์ต้นแม่
– ดินปลูก 1 ส่วน
– เปลือกถั่วลิสงแห้ง 1 ส่วน
– อินทรียวัตถุ 1 ส่วน
– กระถางมีรูระบายที่ก้น
– กรรไกรตัดกิ่ง
– น้ำยาเร่งรากหรือเครื่องดื่มชูกำลัง
– ปุ๋ยละลายช้า
ขั้นตอนการปักชำกิ่งต้นไม้
1. เตรียมกิ่งต้นลดาวัลย์ที่ไม่อ่อนหรือแก่จนเกินไป มีสุขภาพดี เพื่อให้เขางอกรากง่ายมากยิ่งขึ้น
2. ตัดกิ่งดังกล่าวออกมาโดยใช้มีดหรือกรรไกรตัดกิ่งเน้นความยาว 10-15 เซนติเมตร
3. จากนั้นนำกิ่งไปแช่เอาไว้ในน้ำที่มีส่วนผสมของน้ำยาเร่งราก ตามอัตราส่วนในฉลากข้างขวด ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที
4. จากนั้นผสมดินปลูก เปลือกถั่วลิสงแห้ง และอินทรียวัตถุ อย่างละ 1 ส่วนแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน
5. บรรจุวัสดุปลูกลงในกระถางด้วยปริมาณ 3/4 ของความสูงกระถาง
6. เสียบกิ่งลดาวัลย์ลงบนวัสดุปลูกด้วยความลึกประมาณ 5 เซนติเมตร
7.รดน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นและวางต้นไม้เอาไว้ในพื้นที่ที่มีแสงแดดส่องถึง
8.หมั่นตรวจเช็คความชื้นของดินปลูกทุกวัน เพื่อให้รากงอกออกมา หรือจะใช้วิธีการอบต้นไม้ก็ได้เช่นกัน เมื่อรากเริ่มงอกจนเกิดเป็นต้นใหม่แล้วจึงค่อยนำไปปลูกลงดิน เป็นขั้นตอนถัดไป
การปลูก/ดูแลต้นไม้
แสง : ต้องการแสงแดดเต็มวัน หรืออย่างน้อย 4-6 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อการเจริญเติบโตอย่างเต็มรูปแบบ
ดิน : คุณสมบัติดินร่วนระบายน้ำดี เน้นอินทรียวัตถุสูง
น้ำ : เขาชื่นชอบน้ำปานกลาง หากคุณสมบัติของดินสามารถเก็บน้ำได้เป็นอย่างดี ก็สามารถรดน้ำเพียงวันละ 1 ครั้งได้เลย เน้นความชุ่มชื้น แต่ไม่แฉะ หากดินกักเก็บความชื้นได้น้อยก็อาจจะรดน้ำวันละ 2 ครั้งก็ได้
ปุ๋ย : เติมปุ๋ยคอกทุก ๆ 3-6 เดือน หรือจะเติมปุ๋ยละลายช้าสูตร 13-13-13 ก็เช่นกัน
การตัดแต่ง : สามารถตัดแต่งเพื่อควบคุมการขยายของทรงพุ่มได้เลย
สรุป
และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวเกี่ยวกับ “ลดาวัลย์” ไม้เลื้อยดอกหอม ที่เราอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้ลองไปทำความรู้จัก เหมาะสำหรับปลูกเพื่อสร้างความรื่นภิรมย์ใจตามสวนหน้าบ้าน หรือปลูกตามคาเฟ่เพื่อสร้างซิกเนเจอร์ก็สวยงามไปอีกแบบ สุดท้ายนี้เราหวังอย่างยิ่งว่าสิ่งที่นำมาฝากจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนนะคะ
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับต้นไม้และพืชผักได้ที่ Plantlover.net