แก้วเจ้าจอม ดอกไม้สีม่วงสวยสง่าบานเต็มต้นเป็นพุ่มใหญ่ กลิ่นหอมอบอวล ชวนหลงใหล ใครก็อยากมีไว้ครอบครอง และถ้าเพื่อน ๆ คือหนึ่งในคนที่กำลังสนใจตามหาข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าต้นไม้ชนิดนี้ บอกเลยว่ามาถูกทางแล้วล่ะ เพราะเราจะมาแนะนำแนวทางเกี่ยวกับวิธีการปลูก ดูแล รวมถึงเรื่องราวที่คุณอาจยังไม่เคยรู้มาก่อนเกี่ยวกับต้นไม้ต้นนี้ มาทำความรู้จักกับเขาไปพร้อมกันเลยดีกว่า
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
รู้จักกับแก้วเจ้าจอม ต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา ดอกม่วงสวย ที่ใครก็อยากปลูก!
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Guaiacum officinale
ชื่อวงศ์ : Zygophyllaceae (วงศ์โคกกระสุน)
ชื่อสามัญ : Lignum Vitae, Guaiac Wood, Guayacan
ชื่ออื่นในภาษาไทย : น้ำอบฝรั่ง, แก้วจุลจอม (ชื่อเก่า)
แก้วเจ้าจอม เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางที่มีความสูงราว ๆ 10-15 เมตรโดยประมาณ ถึงแม้ว่าชื่อจะดูไทยแท้แต่เขาไม่ได้มีถิ่นฐานบ้านเกิดอยู่แถวภูมิภาคเอเชียแต่อย่างใด เดิมทีพบได้ตามแถบอเมริกากลาง ทะเลแคริบเบียน อเมริกาเหนือ โคลัมเบีย เวเนซุเอลา ตามชายฝั่งทะเลจึงเป็นพืชที่สามารถทนเค็ม ทนลมได้ดี เหมาะสำหรับปลูกในประเทศไทยอย่างยิ่ง ปัจจุบันพบได้แพร่หลายทั่วทุกภูมิภาคเขตร้อน และนอกจากนี้ก็ยังเป็นต้นไม้ประจำชาติของจาไมกาอีกด้วย
จากต่างแดนถึงเมืองไทย
ในอดีตเล่าว่ามีการนำเข้ามาปลูกในประเทศไทยครั้งแรกเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสชวา โดยสันนิษฐานว่าเนื่องจากมีการนำเข้ามาปลูกในรั้ววังอยู่บริเวณตำหนักของเจ้าจอมจึงได้ชื่อไทยว่า “แก้วจุลจอม” ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็น “แก้วเจ้าจอม” ในปัจจุบัน
ความเชื่อ
คนไทยเชื่อว่าแก้วเจ้าจอมนั้นเป็นต้นไม้มงคล เสริมดวง หากปลูกเอาไว้ทางทิศเหนือของบ้านจะช่วยดึงดูดพลังบวกเข้ามาในบ้าน โดยเฉพาะเมื่อเขาออกดอกบานสะพรั่งเต็มต้นจะนำมาซึ่งโชคลาภ บารมี ศักดิ์ศรี กำลังจะได้รับข่าวดีในเร็ววัน
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลำต้น : ลักษณะโดยรวมของเขาจะเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางทรงพุ่มกลมแน่น ลำต้นคดงอ ผิวเปลือกไม้สีน้ำตาลอ่อนหลุดร่อน จึงมักเผยให้เห็นกิ่งหรือลำต้นสีเขียวเสมอ ตามกิ่งก้านเป็นปุ่มปม เนื้อไม้สีน้ำตาลอมเขียวถึงดำ แก่นไม้มีความแข็งแรงและประสานกับเนื้อแน่น น้ำหนักมาก
ใบ : เจ้าต้นนี้มีใบประกอบแบบขนนกปลายคู่ตรงข้ามกัน ใบย่อยอาจมี 2 – 4 คู่ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ใบย่อยมีรูปไข่กลับ ไม่สมมาตร โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ สีเขียวขึ้นมัน พบจุดสีส้มบริเวณโคนใบย่อย บริเวณหลังใบมีสีอ่อนกว่า
ดอก : แก้วเจ้าจอม คือดอกไม้สีม่วงสวย อมฟ้าหรือครามตามธรรมชาติ ออกดอกเป็นช่อดก ในแต่ละช่อประกอบไปด้วย 30-50 ดอกย่อย ในแต่ละดอกย่อยมี 5 – 6 กลีบดอก รายล้อมเกสรสีเหลืองตรงกลาง ส่วนขนาดของดอกขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ บางสายพันธุ์สามารถออกดอกได้หลายครั้งต่อปี ส่วนใหญ่มักเริ่มผลิดอกออกมาให้เจ้าของได้เชยชมช่วงฤดูหนาวประมาณเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์
ผล : ผลของเขาเป็นรูปหัวใจกลับ เมื่อแก่จัดจะมีสีเหลืองหรือส้ม พบ 1 – 2 เมล็ดสีน้ำตาลด้านใน
สายพันธุ์แก้วเจ้าจอม
พันธุ์ 4 ใบ : เรียกได้ว่าเป็นสายพันธุ์ดั้งเดิม ทรงโบราณ ต้นตรง มีทั้งแบบใบใหญ่และใบเล็ก ออกดอกน้อย เป็นต้นไม้หายากที่ปัจจุบันราคาค่อนข้างแพง
พันธุ์ 6 ใบ : ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน ออกดอกดก ใบสวย แบ่งช่อชัดเจน
การขยายพันธุ์
แก้วเจ้าจอมสามารถขยายพันธุ์ได้หลากหลายวิธีการ ไม่ว่าจะเป็นการตอนกิ่ง ปักชำ แต่ส่วนใหญ่แล้วมักนิยมใช้วิธีการเพาะเมล็ดเป็นหลัก เนื่องจากให้ผลดี รากแข็งแรง แต่ก็อาจจะออกดอกช้าหน่อย และควรรีบเพาะทันทีที่เมล็ดเริ่มร่วงลงจากต้น เพราะหากปล่อยวันเวลาร่วงเลยผ่านไป อัตราการงอกของเมล็ดก็จะยิ่งน้อยลง ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับคนที่มีต้นแม่พันธุ์อยู่แล้วอยากปลูกเพิ่ม ส่วนถ้าใครไม่มีเวลาแนะนำซื้อต้นกล้าตามร้านขายต้นไม้ หรือตามอินเตอร์เน็ตมาปลูกจะง่ายกว่าเพาะพันธุ์เองมาก ๆ แต่อย่าลืมเลือกร้านที่รีวิวน่าเชื่อถือกันด้วยนะคะ
การปลูก / ดูแล
แสงแดด : แก้วเจ้าจอมเป็นไม้ประดับที่ทนร้อน ทนแดดได้เป็นอย่างดี และชื่นชอบแสงแดดตลอดทั้งวัน ดังนั้นจึงควรปลุกเขาเอาไว้บริเวณกลางแจ้ง หรือโดนแดดอย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อวัน
ดิน : แนะนำให้ปลูกกับดินร่วนจะดีกว่าปลูกในกระถาง โดยนิสัยแล้วเขาค่อนข้างชอบดินเค็ม แต่ก็ปลูกตามบ้านเราได้โดยไม่ต้องเติมความเค็มให้ดิน ควรหลีกเลี่ยงการปลูกกับดินเหนียว
น้ำ : เขาเป็นพืชที่ชอบน้ำในระดับปานกลาง หากรดน้ำน้อยเกินไปใบก็จะร่วง แต่ถ้าหากรดน้ำเยอะเกินไปใบก็จะเหลือง ดังนั้นรดน้ำเขาตอนเช้าเพียงแค่วันละ 1 ครั้ง ก็เป็นอันเพียงพอแล้วล่ะ
และทั้งหมดนี้ก็คือข้อมูลเกี่ยวกับแก้วเจ้าจอมที่เราอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้ทำความรู้จัก บอกเลยว่าต้นนี้มีความน่าสนใจ และเหมาะสำหรับเป็นต้นไม้ปลูกหน้าบ้านเพราะดอกส่งกลิ่นหอม สีม่วงสวยงาม ใครผ่านมาเห็นเป็นต้องทัก ตื่นเช้าเปิดหน้าต่างออกมามองดอกไม้ก็ทำให้รู้สึกชื่นใจไปทั้งวันแล้วล่ะ หวังว่าข้อมูลทั้งหมดจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนนะคะ
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับต้นไม้และพืชผักได้ที่ Plantlover.net