มะตูม ผลไม้ไทยหายาก กับตำนานความเชื่อ ใครอยากปลูกต้องรู้!

by plantlover
มะตูม

“มะตูม” ชื่อนี้คนไทยคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่จะมีสักกี่คนที่เคยเห็น รู้จัก และสัมผัสกับต้นของเขาอย่างจริงจัง เนื่องจากเป็นพันธุ์ไม้โบราณ เริ่มหาดูยากมากแล้วในปัจจุบัน เริ่มปลูกตอนนี้ ได้ทานผลอีกที 3 ปีหน้า และถ้าหากว่าคุณคือคนหนึ่งที่กำลังสนใจอยากรู้จัก หรือศึกษาเกี่ยวกับความน่าสนใจของไม้ยืนต้นชนิดนี้ ก็อย่าได้พลาดในสิ่งที่เรานำมาฝากเด็ดขาด

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่

รู้จักกับมะตูม สุดยอดผลไม้ไทยโบราณ กับความเชื่อตามพิธีพราหมณ์

มะตูม เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง-ใหญ่ ถูกจัดให้อยู่ในตระกูลเดียวกันกับส้มและมะนาว เดิมทีมีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศอินเดีย รวมถึงแถบประเทศศรีลังกา ก่อนถูกนำเข้ามาปลูกในประเทศไทยอย่างช้านาน ปัจจุบันมีสถานะเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดชัยนาท แต่ก็สามารถปลูกได้ทั่วทุกภาค เลี้ยงง่าย โตไว ได้ผลเร็ว มีประโยชน์ เห็นส่งตรงมาจากดินแดนแห่งความเชื่อแบบนี้ แน่นอนว่าย่อมต้องมีตำนานความศักดิ์สิทธิ์มาเล่าให้เพื่อน ๆ ได้รับทราบด้วยเช่นกัน

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Aegle marmelos (L.) Corr

ชื่อวงศ์ : Rutaceae (วงศ์ส้ม )

ชื่อสามัญ : Beal

ชื่อไทยท้องถิ่น : มะปิน (ภาคเหนือ), มะปีส่า (กะเหรี่ยง แม่ฮ่องสอน), หมากปิ๋น (ภาษาไทยใหญ่), บักตูม (ภาคอีสาน), ตูม (ภาคใต้) และ กะทันตาเถร หรือ ตุ่มตัง (ปัตตานี)

มะตูม

ความเชื่อและพิธีกรรม

ชาวฮินดูเชื่อว่านี่คือต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของพระอิศวร ส่วนความเชื่อเกี่ยวกับการกำเนิดของต้นไม้นั้นมีหลายตำนานเล่าขาน ชาวฮินดูเชื่อว่าเกิดขึ้นมาจากหน้าอกของพระแม่ลักษมี ที่ตัดมาถวายพระศิวะ พระศิวะจึงนำไปปลูกและเกิดขึ้นมาเป็นต้นมะตูม

ในทางพราหมณ์ ถือว่าปลายใบมะตูมมีลักษณะสามแฉกคล้ายกับพระแสงตรี สื่อถึงชัยชนะและความเป็นมงคล จึงนำมาใช้ในพระราชพิธีที่เกี่ยวข้องกับพระมาหากษัตริย์ อาทิเช่น พิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ พิธีสมรสพระราชทาน นอกจากนี้พราหมณ์ยังมีความเชื่อว่า ใบมะตูมเพียงหนึ่งใบที่ถวายให้แก่พระศิวะนั้น ช่วยชะล้างบาปอันเป็นที่สุดได้ ปัจจุบันมีการใช้ใบของเขาในการบูชาพระแม่ลักษมี เทวีแห่งโชคลาภอีกด้วย

มะตูม

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

ลำต้น : เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ เนื้อแข็ง อาจมีความสูงได้ถึง 18 เมตรโดยประมาณ เรือนยอดรูปไข่ แตกกิ่งก้านออก มีหนามขนาดใหญ่ ผิวเปลือกสีเทา แตกร่องตื้นตามแนวยาว เนื้อไม้สีขาวแกมเหลือง มีกลิ่นหอม

ใบ : เป็นพืชใบประกอบแบบ 3 แฉก ใบย่อยรูปไข่สีเขียวมันเงา ขอบเรียบ ไม่ค่อยสมมาตรกันสักเท่าไร ใบย่อยตรงกลางมีขนาดใหญ่ที่สุด

ดอก : ออกดอกสมบูรณ์เพศสีขาวอมเขียวแบบเป็นช่อตามซอกใบหรือปลายกิ่ง จะเริ่มติดดอกตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม

ผล : มีเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 8-12 เซนติเมตร รูปทรงรีหรือกลม เปลือกผิวเรียบ ค่อนข้างหนาและแข็ง ผลอ่อนสีเขียวอ่อน มีรสฝาด เมื่อเริ่มแก่ผิวเปลือกจะแข็งมากขึ้น เหมาะสำหรับนำมาเชื่อม ผลสุกสีเหลืองอมส้ม ส่งกลิ่นหอม รสหวาน แต่มียางสีขาวเหนียว พบเมล็ดอยู่ด้านในเป็นจำนวนมาก

มะตูม

ประโยชน์อันน่าสนใจ

มะตูม เรียกได้ว่าเป็นผลไม้หายากสุดมหัศจรรย์ที่หลายคนอาจยังไม่ทราบว่า สามารถทานได้หลากหลายรูปแบบมาก ทั้งผลอ่อน ผลแก่ ผลสุก ให้รสชาติที่แตกต่างกันออกไป นำมาแปรรูปเป็นน้ำผลไม้ ดื่มคลายร้อน เพื่อความสดชื่น นอกจากนี้ยังเป็นสมุนไพร มีสรรพคุณทางยามากมาย มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ส่วนใบมีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยแก้หวัด รักษาอาการท้องร่วง 

มะตูม

การขยายพันธุ์

เกษตรกรส่วนใหญ่มักขยายพันธุ์มะตูมด้วยวิธีการเพาะเมล็ด จะได้ต้นที่ค่อนข้างแข็งแรง แม้จะโตช้า และให้ผลผลิตช้าไปหน่อยก็ตาม ถ้าใครอยากลองเพิ่มจำนวนประชากรต้นไม้ชนิดนี้ด้วยสองมือของตัวเอง ก็สามารถทำตามขั้นตอนนี้ได้เลย

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม

– เมล็ดพันธุ์

– ทิชชู่

– กล่องมีฝาปิดสำหรับควบแน่น

– ดินปลูก

– ถุงเพาะชำ

ขั้นตอนการเพาะเมล็ด

1. นำผลมะตูมมาแยกเมล็ดออก จากนั้นทำความสะอาดและแช่น้ำทิ้งเอาไว้ประมาณ 1 คืน

2. นำเมล็ดมาบ่มลงในภาชนะมีฝาปิด โดยรองทิชชู่ด้านล่างหนึ่งชั้น วางเมล็ดลงไป จากนั้นใช้ทิชชู่ทับอีก 1 ชั้น

3. สเปรย์น้ำให้ทั่วก่อนปิดฝากล่อง

4. จากนั้นวางกล่องเอาไว้ในอุณหภูมิห้อง 1 สัปดาห์

5. เมื่อรากงอกแล้วสามารถนำไปเพาะลงดินปลูกได้เลย

6. อย่าลืมรดน้ำในช่วงเช้าของทุกวัน

การปลูก/ดูแล

แสง : เขาเป็นต้นไม้ ให้ร่มเงา และชื่นชอบแสงตลอดทั้งวัน ดังนั้นถ้าใครอยากปลูกจะต้องมีพื้นที่โล่งแจ้งขนาดใหญ่พอให้พุ่มแผ่กระจายสวยงาม และไม่อยู่ภายใต้ร่มเงาไม้อื่น

ดิน : เน้นดินร่วน ระบายน้ำดี อินทรียวัตถุสูง

น้ำ : ชอบน้ำปานกลาง แต่ในช่วงปลูกลงดินใหม่ ๆ ควรรดน้ำทุกวัน เมื่อต้นเริ่มแข็งแรงก็สามารถเว้นช่วง 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ได้เลย พยายามอย่าให้น้ำท่วมขังได้

สรุป

และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวเกี่ยวกับ “ต้นมะตูม” ไม้ยืนต้น เป็นมงคล ผลทานได้ ที่เราอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้ลองไปทำความรู้จัก เป็นอย่างไรบ้างคะ น่าสนใจมากเลยใช่ไหมล่ะ ใครอยากมีติดบ้านอย่าลืมสำรวจสถานที่ก่อนปลูกกันด้วยนะคะ เพราะเมื่อต้นไม้โตขึ้นแล้วเขาจะใช้พื้นที่ค่อนข้างมาก ถ้าต้องโค่นทิ้งคงเสียดายแย่ สุดท้ายนี้เราหวังอย่างยิ่งว่าสิ่งที่นำมาฝากจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนนะคะ

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับต้นไม้และพืชผักได้ที่ Plantlover.net

You may also like

Leave a Comment