ชมพู่น้ำดอกไม้ ผลไม้รสหวานฉ่ำ กรอบ หายาก ราคาแพง! 

by plantlover
ชมพู่น้ำดอกไม้

ผลไม้ไทยที่เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักในครั้งนี้ มีชื่อว่า “ชมพู่น้ำดอกไม้” ซึ่งเป็นหนึ่งในผลไม้ไทยรสชาติหอมร่ำลือ ใครได้กลิ่นเป็นต้องติดใจ รสชาติหวาน เนื้อสัมผัสกรอบ อร่อย นำมารับประทานสด แปรรูปได้หลากหลายเมนู แถมยังปลูกง่าย เหมาะสำหรับทุกภูมิภาคในประเทศ ใครกำลังมีแพลนอยากซื้อมาลองเลี้ยงในสวนเพื่อประโยชน์ในอนาคต อยากรู้ว่าดูแลอย่างไร ใช้เวลากี่ปีกว่าจะติดผล ต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณต้องรู้เอาไว้

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่

รู้จักชมพู่น้ำดอกไม้ ผลไม้ไทยหายาก กลิ่นหอม รสหวาน สร้างรายได้! 

ชมพู่น้ำดอกไม้

ชมพู่น้ำดอกไม้ จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ซึ่งมีพื้นถิ่นมาจากประเทศไทย สามารถพบได้แทบทุกท้องถิ่น รวมถึงภูมิภาคอินโด-มาลายัน ทว่าก็ยังค่อนข้างหายากในยุคสมัยนี้ คนไทยรู้จักใช้ประโยชน์กันมาอย่างช้านานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะส่วนผลที่นำมารับประทานเป็นผลไม้ มีรสชาติหวานโดนใจ ปลูกเอาไว้ขายราคาแพง หากโจทย์ของคุณคือปลูกอะไรดี ไม่ต้องดูแลมาก เจ้าต้นนี้ตอบโจทย์แน่นอน

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Syzygium Jambos (L.)Alston 

ชื่อวงศ์ : MYRTACEAE (วงศ์ชมพู่) 

ชื่อสามัญ : Rose Apple 

ชื่อไทยอื่น : มะซามุด, มะห้าคอกลอก (ภาคเหนือ-แม่ฮ่องสอน), มซามุด มะซามุต (น่าน), มะน้ำหอม (ภาคอีสาน), ชมพู่น้า, ยาบู่ปะนาว่า, ฝรั่งน้ำ (ภาคใต้), พลัมมาลาบาร์, โรสแอปเปิล เป็นต้น 

ชมพู่น้ำดอกไม้

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ 

ลำต้น : เป็นไม้ยืนต้นที่มีความสูงขนาด 10 เมตรโดยประมาณ ผิวเปลือกสีน้ำตาลอ่อนเรียบ 

ใบ : เป็นพืชใบเดี่ยว ออกใบเรียงคู่ตรงข้ามกัน ลักษณะใบรูปหอกเรียวยาว โคนใบมน ปลายใบแหลม มีติ่งใบเล็กน้อย ขอบใบเรียบ แผ่นใบสีเขียวหนา ขนาดยาว 12-17 เซนติเมตร และกว้าง 3-4 เซนติเมตรโดยประมาณ 

ดอก : ชมพู่น้ำดอกไม้ ออกดอกเป็นช่อกระจะที่บริเวณปลายกิ่ง รูปร่างคล้ายกับดอกชมพู่ทั่วไป ฐานรองดอกเป็นรูปกรวย กลีบดอกสีเหลืองอ่อน พบเกสรเพศผู้จำนวนมาก จะออกดอกในระหว่างช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน

ผล : ออกผลเดี่ยว ลูกมีลักษณะแป้น เกือบกลม ผิวเปลือกสีเหลืองนวลมันวาวเมื่อสุก ผลดิบสีเขียวเข้ม มองผิวเผินคล้ายกับลูกจัน บริเวณก้นของผลมี 4 กลีบเลี้ยงติดอยู่ ภายในผลกลวง เนื้อด้านในสีขาวนวล เมล็ดด้านในค่อนข้างใหญ่ มักออกผลในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ส่งกลิ่นหอมอบอวลเหมือนดอกนมแมว (กลิ่นแบบขนมหวาน) เนื้อสัมผัสกรอบฉ่ำ รสหวานชื่นใจ จึงเป็นผลไม้แปลก ยอดนิยมชมชอบของผู้พบเจอ

ชมพู่น้ำดอกไม้

ประโยชน์อันน่าสนใจ 

– นำผลมาทานสดหรือแปรรูปประกอบอาหาร

– เมล็ดมีสีน้ำตาล สามารถนำมาทำสีย้อมผ้า หรือผ้ามัดย้อมสวย ๆ ได้ 

– ผลมีสรรพคุณทางยา ช่วยบำรุงหัวใจ

ชมพู่น้ำดอกไม้ ทำอะไรได้บ้าง?

– น้ำผลไม้ปั่นเพื่อสุขภาพ รสหอมหวาน ชื่นใจ

– ยำชมพู่ หอม กรอบ อร่อย ทานเล่นเพลิน ๆ

– ต้มจืดชมพู่ ยัดไส้หมูสับ

ชมพู่น้ำดอกไม้

การขยายพันธุ์

ชมพู่น้ำดอกไม้ ขยายพันธุ์ง่ายได้หลากหลายวิธี ตั้งแต่การเพาะเมล็ดไปจนถึงวิธีการตอนกิ่งต้นไม้ ซึ่งถ้าเราใช้กิ่งตอนมาปลูกจะทำให้ได้ผลผลิตอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยเฉลี่ยภายใน 2 ปี แต่ถ้าใช้วิธีการเพาะเมล็ดจำเป็นต้องรอผลผลิตตั้งแต่ 3-4 ปีโดยเฉลี่ย ทว่าทั้งสองรูปแบบก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไป สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยากลองเพิ่มจำนวนประชากรผลไม้น่าปลูกชนิดนี้ เรามีเคล็ดไม่ลับดี ๆ มาฝาก

อุปกรณ์ที่ต้องใช้

– ตุ้มตอน (ทำเองหรือซื้อแบบสำเร็จรูป)

– ฮอร์โมนเร่งราก

– มีดควั่น

– กรรไกรตัดกิ่ง

– เคเบิ้ลไทร์ หรือเชือกแก้ว (ตามสะดวก)

– ถุงเพาะชำ

– ดินปลูกหรือดินร่วนผสมแกลบ

ขั้นตอนการตอนกิ่งต้นไม้

1. เลือกกิ่งที่ไม่อ่อนหรือแก่จนเกินไป

2. จากนั้นใช้มีดควั่นทำให้เกิดแผล เหมือนกับการตอนต้นไม้ทั่วไป

3. ขูดเนื้อเยื่อไม้ออก

4. ทาฮอร์โมนเร่งรากเล็กน้อย

5. จากนั้นใช้มีดปาดกึ่งกลางตุ้มตอน แล้วครอบลงไปยังบริเวณแผลกิ่ง

6. รัดให้แน่นโดยเคเบิ้ลไทร์ หรือเชือกแก้ว จากนั้นรอให้เขางอกรากเต็มที่จะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน

7. เมื่อครบ 1 เดือน และรากชมพู่น้ำดอกไม้งอกออกมาเต็มที่คอยใช้กรรไกรตัดกิ่งตัดออกมาเพื่อเพาะชำต่อ

8. เพาะชำกิ่งดังกล่าวด้วยดินปลูก หรือดินร่วนผสมแกลบในถุงเพาะชำต่ออีก 1 เดือน ก็จะกลายเป็นต้นกล้าที่แข็งแรง สามารถนำไปปลูกยังพื้นที่ที่เราต้องการต่อไปได้แล้ว

การปลูก/ดูแล

แสงแดด : เนื่องจากชมพู่น้ำดอกไม้เป็นไม้ยืนต้น ดังนั้นจึงต้องปลูกเขาเอาไว้กลางแจ้ง ให้โดนแสงแดดตลอดทั้งวัน และมีพื้นที่กว้างมากพอสมควร เนื่องจากการขยายของทรงพุ่ม อย่างน้อยควรปลูกให้ห่างจากต้นไม้รอบข้างประมาณ 8 เมตร

ดิน : ชอบดินทรายปนลูกรัง มีความเหนียวหน่อย จะเติบโตได้เป็นอย่างดี

น้ำ : รดน้ำวันละ 2 ครั้งในช่วงเช้า-เย็น

ชมพู่น้ำดอกไม้ ราคากิโลละเท่าไร?

ในปัจจุบันราคาของผลไม้ชนิดนี้อยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 150-250 บาทขึ้นกับสถานการณ์ ใครตามหาไม้ยืนต้นกินได้ สร้างผลผลิตในอนาคต เจ้าต้นนี้ก็นับว่าน่าสนใจมาก

สรุป

และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวเกี่ยวกับ “ชมพู่น้ำดอกไม้” ผลไม้ที่ใคร ๆ ก็อยากลอง หากได้กลิ่นหอมหวานอันแสนยั่วยวน อีกทั้งยังปลูก ดูแลง่าย ตามสภาพอากาศเมืองไทย เหมาะสำหรับคนไม่มีเวลาดูแลมาก รอแค่อึดใจเดียวก็ออกผลมาให้รับประทานเต็มต้น สุดท้ายนี้เราหวังอย่างยิ่งว่าสิ่งที่นำมาฝากจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนนะคะ

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับต้นไม้และพืชผักได้ที่ Plantlover.net

You may also like

Leave a Comment