ถ้าเพื่อน ๆ อยากได้ไม้พุ่มสีเขียว ขนาดเล็ก ใบสวย มาปลูกไว้ดูเล่น “ปริกน้ำค้าง” ก็นับว่าเป็นหนึ่งในไอเทมน่าสนใจ เพราะนอกจากจะมีใบละเอียด พุ่มแน่น เขียวอิ่มน้ำ เพิ่มความกรีนได้ทั้งใน และนอกตัวบ้านแล้ว ยังเป็นไม้มงคล ใช้ประโยชน์ได้มากมาย และถ้าหากไม่แน่ใจว่าเจ้าต้นนี้เหมาะสำหรับใคร จะปลูก และดูแลเขาไหวไหม? เรามีคำตอบมาให้อย่างแน่นอน
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
รู้จักกับ “ปริกน้ำค้าง” ไม้พุ่มเตี้ย จัดสวน เพิ่มพื้นที่สีเขียวแบบนี้ได้เลย!
ปริกน้ำค้าง เป็นไม้พุ่มขนาดเล็กที่เรามักพบเจออยู่ตามร้านขายต้นไม้ ซึ่งนิยมตกแต่งสวนอยู่เรื่อยมา เขามีถิ่นกำเนิดมาจากทางแอฟริกาใต้ ไปจนถึงนามิเบีย พบขึ้นอยู่ตามพื้นที่แห้งแล้งพอสมควร ภายใต้ประเทศที่มีภูมิอากาศร้อนชื้นใกล้เคียงกันกับประเทศไทย จึงนำเข้ามาปลูกในบ้านเราได้แบบสบาย ๆ ดูแลไม่ยากแต่ประการใด
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Asparagus densiflorus ‘sprengeri’
ชื่อวงศ์ : Asparagaceae
ชื่อสามัญ : Sprengeri Fern
ความเชื่อ
ทุกคนสงสัยกันไหมคะว่าทำไมปริกน้ำค้าง จึงเป็นไม้มงคล ส่วนหนึ่งก็มาจากการตลาดของบ้านเราที่หยิบจับอะไรเข้ามาก็ชวนเชื่อกันว่าเสริมดวงต่าง ๆ นานา มีเสียงร่ำลือว่าถ้าปลูกเจ้าต้นนี้เอาไว้จะช่วยส่งเสริมเรื่องอำนาจ บารมี ทำให้บ้านร่มเย็นเป็นสุข เงินทองไหลมา ถ้าจะปลูกเอาไว้เพื่อความสบายใจ ย่อมได้อยู่แล้ว
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ (ทั่วไป)
ลำต้น : สัณฐานลำต้นของเขาเกิดเป็นเหง้าใต้ดิน ที่ไม่อ้วนมาก คล้ายกับกระชาย แต่ขนาดเล็กกว่าหน่อย ทำหน้าที่สะสมอาหาร และแทงหน่อขึ้นไปแทน แตกกิ่งก้านสาขา ผิวเปลือกสีเขียว ความสูงของพุ่มที่มักพบเจอทั่วไปตามตลาดสูงประมาณ 30 เซนติเมตร แต่ถ้าหากเลี้ยงเอาไว้ตามธรรมชาติ จนมีอายุมากก็อาจสูงตั้งแต่ 60-90 เซนติเมตรขึ้นไปเลยล่ะ
ใบ : ส่วนใบมีสีเขียว รูปเข็ม ออกเรียงเวียนทั่วกิ่งจนกลายเป็นพุ่มแน่น ใบค่อนข้างละเอียด เนื้อนุ่ม
ผล : ผลกลมขนาดเล็ก เมื่อผลอ่อนจะมีสีเขียว เริ่มแก่ จนถึงแก่จัดกลายเป็นสีแดงเรื่อย ๆ
ประโยชน์
เป็นพืชที่มีประโยชน์หลากหลายด้าน โดยหลักใช้เป็นไม้ประดับในบ้าน แต่งสวนนอกบ้าน ตามแต่ความชอบ นอกจากนี้ส่วนยอดยังนำมาประกอบอาหารได้ อาทิเช่น แกงจืด แกงเผ็ด พะแนง มาพร้อมสรรพคุณทางยาเช่นการแก้ปวด แก้อักเสบ
การขยายพันธุ์
ปริกน้ำค้าง ขยายพันธุ์ง่าย โดยวิธีการเพาะเมล็ด และแยกกอ ซึ่งได้รับความนิยมในหมู่ของคนเลี้ยงต้นไม้ และถ้าเพื่อน ๆ อยากลองเพิ่มจำนวนประชากรเจ้าต้นนี้ด้วยสองมือตนเอง ก็สามารถนำขั้นตอนของเราไปประยุกต์ใช้กันได้เลย
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
– ปริกน้ำค้างต้นแม่พันธุ์
– กระถางมีรูระบายที่ก้น
– ดินปลูก 1 ส่วน
– อินทรียวัตถุ 1 ส่วน (กรณีปลูกในบ้าน แนะนำให้ใช้มูลไส้เดือนจะลดการส่งกลิ่นเหม็นได้)
– กาบมะพร้าวสับ 1 ส่วน
– ปุ๋ยละลายช้าสูตร 13-13-13
ขั้นตอนวิธีการแยกกอ
1. นำปริกน้ำค้างต้นแม่พันธุ์ออกจากกระถางเก่าอย่างเบามือมากที่สุด
2. จากนั้นสางดินออกจนเห็นเหง้าชัดเจน และใช้มือบิด หรือหักแบ่งกอออกเป็น 2-3 ส่วน
3. นำดินปลูก กาบมะพร้าวสับ และอินทรียวัตถุ อย่างละ 1 ส่วนคลุกเคล้าให้เข้ากันเพื่อทำวัสดุปลูก
4. ใส่วัสดุปลูกรองก้นกระถางพอสมควร (ประมาณครึ่งกระถาง)
5. โรยปุ๋ยละลายช้าลงไปเล็กน้อยเพื่อช่วยสนับสนุนการเติบโต
6. นำกอปริกน้ำค้างที่แยกกันมาวางลงในกระถาง
7. จากนั้นใช้วัสดุปลูกที่เหลือถมประคองต้นเอาไว้ พยายามอย่าให้เกิน Root zone ของต้น
8. กระแทกกระถางเล็กน้อย เพื่อให้ดินแน่นขึ้น (อย่าทำแรง)
9. รดน้ำตาม เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้น
การปลูก/ดูแล
แสง : แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ไม้พุ่มทนแดดจัด แต่ก็สามารถปลูกเอาไว้กลางแจ้งได้ แต่ต้องพยายามพรางแสงให้สักหน่อย อาจจะให้โดนแดดช่วงเช้าสัก 3-6 ชั่วโมง
ดิน : เน้นดินร่วน ระบายน้ำดี อินทรียวัตถุสูง หากปลูกลงดิน ควรพูนดินเหนือพื้นที่โดยรอบสัก 10-20 เซนติเมตรเพื่อป้องกันน้ำท่วมขัง
น้ำ : ชื่นชอบน้ำปานกลาง ควรรดน้ำวันละ 1 ครั้งในช่วงเช้า หรือเย็นตามสะดวก แต่ต้องระวังอย่าให้น้ำท่วมขังแฉะจนเกินไป
ปุ๋ย : ควรให้ปุ๋ยคอก อย่างเช่นมูลวัว หรือมูลไส้เดือนแก่ต้นไม้ 15-30 วัน/1 ครั้ง เพื่อสนับสนุนการเติบโต
การตัดแต่งกิ่ง : เมื่อเริ่มแก่ ก้านสีเขียวจะปรกลงสู่พื้นมากกว่าชี้ตั้งขึ้น และพุ่มของเขาค่อนข้างแน่น มีบางส่วนแห้ง และเน่า สามารถใช้กรรไกรตัดกิ่งเล็มส่วนนั้นออกได้เลย ช่วยให้ต้นไม้เจริญเติบโตดีมากยิ่งขึ้น
โรค : มักพบเจอกับเชื้อรา ซึ่งเป็นสาเหตุของใบไหม้ ส่วนนี้แก้ปัญหาได้โดยการใช้ไตรโครเดอร์มา ผสมน้ำฉีดพ่นบริเวณใบ เพื่อป้องกันเชื้อราดังกล่าว
แมลง : ยอดอ่อนของปริกน้ำค้าง เรียกได้ว่าเป็นอาหารโปรดของเหล่าทากเลยล่ะ ถ้าเจอน้องก็สามารถจับออกได้เลย
สรุป
เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับข้อมูลเกี่ยวกับ “ปริกน้ำค้าง” ที่เราได้ทำการรวบรวมมาฝากทุกคนในวันนี้ ถือว่าแน่น และครอบคลุมมากพอสมควร นำไปปรับใช้งาน ดูแลต้นไม้ได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพแน่นอน สำหรับเพื่อน ๆ ที่อยากมีน้องเอาไว้ในครอบครองก็สามารถซื้อหาตามร้านค้าออนไลน์ หรือร้านขายต้นไม้ทั่วไปได้เลย ราคาจับต้องง่าย แถมยังดูแลง่ายแบบนี้ ต้องมีแล้วนะ!
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับต้นไม้และพืชผักได้ที่ Plantlover.net
