ฟิโลเดนดรอน เบอร์กิ้น หนึ่งในต้นไม้กลายพันธุ์ใบสวยงามที่คนนิยมปลูกเอาไว้เพื่อความสวยงาม มองดูแล้วชื่นใจ แต่บอกเลยว่าถ้าซื้อมาผิดชีวิตเปลี่ยน ฉะนั้นต้องดูให้ดี และวันนี้เรามีเคล็ดลับในการเลือกต้นไม้รวมถึงการขยายพันธุ์เอง การดูแลให้เขาเติบโตอย่างสวยงามมาฝาก ถ้าพร้อมแล้วมาทำความรู้จักกับเขาให้มากยิ่งขึ้นกันเลยดีกว่า
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
รู้จักกับฟิโลเดนดรอน เบอร์กิ้น ไม้ประดับ แต่งห้อง ใบสวย!
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Philodendron Birkin
ชื่อวงศ์ : Araceae (วงศ์บอน)
ชื่อสามัญ : Philodendron Birkin, White Wave Plant
ฟิโลเดนดรอน เบอร์กิ้น หรือต้นไม้ที่คนไทยเรียกกันแบบสั้น ๆ ว่า “ฟิโลเบอร์กิ้น” เขาคือไม้กึ่งอิงอาศัยที่พบครั้งแรกบริเวณเนอร์สเซอรี่แห่งหนึ่งในรัฐฟลอริด้า เป็นต้นไม้กลายพันธุ์มาจาก Philodendron Rojo Congo ซึ่งเป็นลูกผสมระหว่างสายพันธุ์ Tatei และ Imperial Red อีกที การกลายพันธุ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติไม่ใช่น้ำมือของมนุษย์แต่อย่างใด หากเลี้ยงดูในกระถางธรรมดาก็จะเหมือนกับพืชวงศ์บอนทั่วไป แต่ถ้าลองมีที่ให้เกาะหน่อยเขาจะเลื้อยไปตามวัสดุต่าง ๆ สมกับเป็นไม้อิงอาศัยเลยล่ะ
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลำต้น : ลำต้นของเขามีสีเขียวถูกห่อหุ้มด้วยเปลือก ซึ่งอาจมีขอบสีแดงหรือติดชมพูบ้าง
ใบ : ในส่วนของใบถือว่าเป็นไฮไลท์เด็ดของเจ้าต้นนี้เลยล่ะ ลักษณะใบของเขาเป็นแบบรูปไข่ ปลายใบแหลม โคนใบเว้าเข้าหาก้านมองดูคล้ายรูปหัวใจ โดดเด่นด้วยเส้นที่เริ่มต้นจากกลางใบแล้ววาดออกไปยังขอบด้วยลวดลายอ่อนช้อย จรดกันจนเกิดเป็นเส้นรอบขอบใบอีกทีหนึ่ง ทำให้เห็นเหมือนกับว่ามีการแบ่งพื้นที่ระหว่างสีเขียวและสีขาวเหลืองอย่างชัดเจน
วิธีการเลือกซื้อ
สิ่งหนึ่งที่หลายคนควรรู้เอาไว้ก็คือ ถ้าอยากได้ฟิโลเดนดรอน เบอร์กิ้น ที่มีลวดลายใบชัดเจน ให้ซื้อต้นที่มีลวดลายชัดเจนตั้งแต่แรกเห็น เพราะต้นที่ลวดลายไม่ชัดหรือมีสีเขียวเยอะกว่า จะไม่มีทางเปลี่ยนลายใบให้ชัดได้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามเจ้าต้นนี้ก็เป็นไม้ที่กลายพันธุ์มาก่อน จึงมีโอกาสที่ลวดลายของเขาจะหายไปได้เช่นกันหากดูแลไม่ดี ใครอยากมีไม้ประดับแต่งสวนสวยงาม อย่าลืมนำวิธีการนี้ไปใช้กันนะคะ
การขยายพันธุ์
ฟิโลเดนดรอน ขยายพันธุ์ไม่ยุ่งยาก สามารถทำได้โดยวิธีการแยกต้นออกมาชำเป็นหลัก แต่ก่อนที่เราจะพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับวิธีการแยกต้นฟิโลเดนดรอน เบอร์กิ้น ก็มีสองสูตรดินหลัก ๆ ที่อยากแนะนำในการเพาะชำ ดังนี้
สูตรดินสำหรับปลูกตามสวนหรือบ้าน
– กาบมะพร้าวสับ 1 ส่วน
– อินทรียวัตถุหรือปุ๋ยหมัก 1 ส่วน
สูตรดินเบาสำหรับปลูกตามคอนโด หอพัก
– ดินปลูกหรือพีทมอส 1 ส่วน
– อินทรียวัตถุ 1 ส่วน
– เวอร์มิคูไลท์ 1 ส่วน
– เพอร์ไลท์ 1 ส่วน
อุปกรณ์ที่ใช้ในการขยายพันธุ์
1.ดินปลูก เลือกตามสูตรที่เราต้องการได้เลย
2.กระถางขนาดพอดีกับต้นไม้
3.ปุ๋ยออสโมโค้ท
4.หินภูเขาไฟ
ขั้นตอนการขยายพันธุ์
1.นำฟิโลเดนดรอน เบอร์กิ้นต้นแม่ออกมาจากกระถางก่อน พยายามอย่าดึงต้นออกมา ให้ใช้นิ้วสอดลงไปที่รูใต้กระถางแล้วดันเข้าไปเพื่อให้ดินซุยก่อน แล้วค่อยนำต้นไม้ออกมาใช้มือเขี่ยดินออก
2.จากนั้นใช้มือของเราบิดไปที่กลางต้นเพื่อหักออกจากกัน ต้นเขาค่อนข้างกรอบจึงหักง่ายมาก ๆ
3.เมื่อแบ่งต้นออกมาได้สำเร็จแล้ว ให้เรานำหินภูเขาไฟรองไปที่ก้นกระถางก่อน เพื่อช่วยในการระบายน้ำได้ดีมากยิ่งขึ้น
4.จากนั้นใส่ดินสูตรที่เราต้องการลงไปประมาณ 1/3 ของกระถางที่เหลือ จะโรยปุ๋ยละลายช้าลงไปด้วยก็ได้ประมาณ 1 ช้อนชา
5.นำต้นฟิโลเดนดรอน เบอร์กิ้น ลงไปปลูกแล้วกลบด้วยดิน รดน้ำให้ชุ่มชื้นแล้ววางเขาทิ้งไว้ในที่ร่มมีแดดรำไรเพื่อให้ติดรากต่อไป
การดูแล
แสง : เนื่องจากธรรมชาติของเจ้าฟิโลเดนดรอน เบอร์กิ้นเกิดใต้ร่มไม้ในป่าดิบชื้น เขาจึงไม่ค่อยต้องการแสงแดดมากนัก เป็นต้นไม้ปลูกในบ้านได้สบาย ๆ หากปลูกเอาไว้ใกล้กับช่องแสงจะดีมาก แต่ต้องเป็นแสงในช่วงเช้าเท่านั้น ห้ามเป็นแดดแก่ช่วงบ่าย
ดิน : หากใช้ดินปลูกในแบบที่เราแนะนำจะช่วยให้ต้นไม้ได้รับความชุ่มชื้นอย่างยาวนานมากยิ่งขึ้น เป็นดินระบายน้ำดีอย่างที่ต้นไม้ชื่นชอบเลยล่ะ
น้ำ : สำหรับการรดน้ำ ให้สังเกตที่หน้าดินเป็นหลัก โดยพยายามให้ดินชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลาแต่ไม่แห้งแล้ง หรือรดน้ำประมาณวันละ 1 ครั้งก็เพียงพอต่อความต้องการของเขาแล้วล่ะ ข้อควรระวังก็คืออย่าทำให้ดินแฉะจนเกินไปเพราะอาจเกิดรากเน่าได้ง่ายมาก
ปุ๋ย : หลังจากการใส่ปุ๋ยในระยะแรก ให้เว้นช่วงห่างไปประมาณ 3 เดือนแล้วจึงค่อยเติมปุ๋ยออสโมโค้ท (ปุ๋ยละลายช้า) 2 – 3 เดือนต่อ 1 ครั้ง
และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวเกี่ยวกับ “ฟิโลเดนดรอน เบอร์กิ้น” ต้นไม้ประดับสำหรับฟอกอากาศภายในบ้านที่เราอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้ทำความรู้จัก เป็นอย่างไรกันบ้างคะ น่าสนใจใช่ไหมเอ่ย บอกเลยว่าเจ้าต้นนี้เลี้ยงง่ายอย่างแน่นอน ใคร ๆ ก็สามารถปลูกได้ ไม่ว่าจะเป็นคนทำงาน วัยเรียนที่ไม่ค่อยมีเวลา สุดท้ายนี้เราหวังอย่างยิ่งว่าสิ่งที่นำมาฝากจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนนะคะ
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับต้นไม้และพืชผักได้ที่ Plantlover.net