เพื่อน ๆ เคยเห็นดอกไม้ที่กลีบแห้งแล้วมีขนสีขาวฟูฟ่องปลิวไปตามลมไหมคะ เจ้าต้นนั้นมีชื่อว่า “แดนดิไลออน” ซึ่งถือเป็นวัชพืช ที่มาพร้อมความเชื่อของชาวญี่ปุ่น และความหมายดี ๆ ใครกำลังสนใจอยากปลูกเจ้าต้นนี้เอาไว้ดูเล่น มีทั้งเรื่องที่ควรรู้ และระวัง ส่วนจะปลูกในเมืองไทยได้ไหม มีวิธีการปลูก ดูแลอย่างไร มาทำความรู้จักกับ Dandelion ไปพร้อมกันเลยดีกว่า
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
รู้จักกับ แดนดิไลออน (Dandelion) ดอกไม้สีเหลือง จากต่างประเทศ
แดนดิไลออน เป็นคำที่เพี้ยนมาจาก Dent De Lion แปลตรงตัวว่า “ฟันสิงโต” เขาเป็นไม้ล้มลุกในตระกูลเดียวกันกับเดซี่ ในต่างประเทศจัดเป็นวัชพืชชนิดหนึ่ง มักขึ้นอยู่ริมข้างทาง แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว รบกวนการเติบโตของพืชอื่น ๆ พบมากในเมืองหนาว มีถิ่นกำเนิดมาจากทางริมฝั่งแม่น้ำและทุ่งหญ้าในยุโรป ก่อนกระจายตัวไปยังเขตร้อนอย่างตอนกลาง และตอนใต้ของทวีปอเมริกา เติบโตได้ดี อึด ถึก ทน แทบทุกสภาพภูมิอากาศ และถ้าถามว่าอาศัยอยู่ในไทยได้ไหม ก็ต้องตอบเลยว่าเป็นดอกไม้เมืองหนาว ที่ปลูกในไทยได้อย่างสบาย ๆ
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Taraxacum officinale.
ชื่อวงศ์ : Asteraceae (วงศ์ทานตะวัน)
ชื่อสามัญ : Dandelion
ชื่อภาษาไทย : ดอกฟันสิงโต
ความหมาย และความเชื่อ
แดนดิไลออน เป็นดอกไม้ความหมายดี สื่อถึงความสุข ความร่าเริง หากให้เจ้าดอกนี้แก่ใครสักคน ก็อาจหมายถึงเราอยากให้เขายิ้มกว้าง ๆ และมีความสุข อีกนัยหนึ่งยังสื่อถึงความหวังของชีวิต อันเนื่องมาจากความเชื่อของชาวญี่ปุ่นที่ว่า หากใครพบเจอ Dandelion สีขาว (ดอกแห้ง) ให้อธิษฐานขอพรกับดอกไม้ และเป่าขนฟูฟ่องให้ล่องลอยไปตามอากาศ ให้หลุดจากตัวก้านทั้งหมดภายในครั้งเดียว เพื่อช่วยให้คำขอนั้นเป็นจริงขึ้นมา ตำนานน่ารักมาก ๆ เลยเนอะ ว่าไหม
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ (ทั่วไป)
ลำต้น : ความสูง 6-10 นิ้วโดยประมาณ แต่ส่วนมากต้นค่อนข้างสั้น ผิวเปลือกสีขาวอมเขียวและม่วง
ใบ : เป็นใบเดี่ยว ออกก้านรอบลำต้นเป็นกระจุก ลักษณะใบยาว และหยักฟันปลา เว้าเป็นแฉกแหลม อันเป็นที่มาของชื่อฟันสิงโต
ดอก : ลักษณะเป็นดอกไม้สีเหลืองโดดเด่น ออกดอกเดี่ยวบริเวณปลายยอด กลีบรูปหอกยาว เรียงซ้อนกันเป็นชั้น จำนวนหลายชั้น คล้ายกับดอกดาวเรืองบ้านเรา เมื่อแก่จัดกลีบจะร่วงโรย ทิ้งไว้เพียงเมล็ด มีขนสีขาวปุกปุย และปลิวไปตามลมอย่างง่ายดาย กระจายตัวเป็นวงกว้างตามแบบฉบับวัชพืช นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยจากนักวิทยาศาสตร์เปิดเผยว่า เมล็ดของเจ้าต้นนี้สามารถบินไปบนอากาศได้ไกลถึง 1 กิโลเมตรเลยทีเดียว
ประโยชน์
แดนดิไลออน เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่ง ซึ่งมีรสขมทั้งต้น ส่วนรากมีสารทาราซาซิน (Taraxacin) ถูกนำมาใช้ประโยชน์หลายศตวรรษ ช่วยลดการอักเสบได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันมีการนำมาประยุกต์ใช้ในวงการสกินแคร์ ช่วยปลอบประโลมผิว ปกป้องผิวจากมลภาวะ ส่งผลให้ผิวเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น
ส่วนใบของเขา มีรสขมปร่า ปนเผ็ดร้อน สามารถนำมาทานสด ๆ หรือทานในเมนูสลัดก็ตัดเลี่ยนได้เป็นอย่างดี ช่วยเร่งการเผาผลาญ ส่วนเนื้อใบมีเบต้าแคโรทีนที่สูงมาก จึงช่วยต้านอนุมูลอิสระได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากนี้ก็ยังเป็นพืชที่มีเกลือโพแทสเซียมสูง ช่วยรักษาสมดุลของน้ำในร่างกาย และควบคุม ลดความดันโลหิตในผู้ป่วยความดันโลหิตสูงได้เป็นอย่างดี
การขยายพันธุ์
แดนดิไลออน ขยายพันธุ์ง่ายด้วยการเพาะเมล็ด ซึ่งเป็นวิธีการที่โคตรจะง่าย ใคร ๆ ก็สามารถนำไปลองทำตามได้ และถ้าหากคุณมีแพลนอยากปลูก หรือเพิ่มจำนวนประชากรไม้ประดับดอกสีเหลืองชนิดนี้ ลองนำวิธีการของเราไปใช้ได้นะ
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
– ภาชนะในการเพาะปลูก อย่างเช่น กระบะทราย กระถาง หรืออื่น ๆ ตามแต่ใจต้องการ
– ดินปลูกหรือดินร่วน
– อินทรียวัตถุ
– เมล็ดแดนดิไลออน
ขั้นตอนการเพาะเมล็ด
1. ทำการเตรียมวัสดุปลูก โดยนำดิน 1 ส่วน มาผสมเข้ากับอินทรียวัตถุ 1 ส่วนแล้วบรรจุลงไปในกระถาง
2. จากนั้นนำเมล็ดแดนดิไลออนมาโรยลงบนหน้าดิน
3. ใช้ดินที่เหลือกลบเมล็ดเอาไว้ เพื่อป้องกันลมพัดปลิว
4. รดน้ำเพิ่มความชุ่มชื้น วางกระถางเอาไว้ในพื้นที่ที่แสงแดดส่องถึง พยายามดูแลหน้าดินให้มีความชื้น ตลอดเวลา
การปลูก/ดูแล
ดิน : เป็นดอกไม้จากต่างประเทศที่สามารถเจริญเติบโตได้ในดินแทบทุกประเภท แต่ถ้าหากเลี้ยงแบบลูกคุณหนูหน่อย ใช้ดินร่วนผสมอินทรียวัตถุไปตลอดช่วงชีวิตของเขาได้เลย
แสง : เน้นพื้นที่กลางแจ้ง แสงแดดส่องถึงตลอดทั้งวัน หรืออย่างน้อย 4-6 ชั่วโมงต่อวัน
น้ำ : แม้เขาจะเป็นต้นไม้ที่อึด ถึก และทน แต่ก็ควรรดน้ำวันละ 1 ครั้ง หรือหากไม่มีเวลาจริง ๆ ก็สามารถรดน้ำแบบวันเว้นวันได้เช่นกัน
แดนดิไลออน ออกดอกตอนไหน?
จะออกดอกหลังจากปลูกประมาณ 5 เดือน โดยดอกจะบานค่อนข้างนาน กว่าจะเหี่ยวแห้ง จนเหลือแต่เมล็ดฟูฟ่องก็ใช้เวลาเป็นเดือนเลยทีเดียว
สรุป
และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวของ แดนดิไลออน ดอกไม้สวย ๆ จากต่างประเทศที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนได้ลองไปทำความรู้จัก เป็นอย่างไรกันบ้างคะ เจ้าต้นนี้น่าสนใจมากเลยใช่ไหมล่ะ ความหมายดี ปลูกแล้วเก็บไปให้แฟน ให้เพื่อน ประดับตกแต่งแจกันในบ้าน สีเหลืองก็ยังช่วยกระตุ้นความจำ เพิ่มสมาธิในการทำงานอีกด้วย แต่ถ้าปลูกจนแห้งก็มีข้อควรระวังอยู่บ้าง อย่าให้เมล็ดของเขาปลิวไปตกที่อื่นเพราะอาจเกิดเป็นวัชพืช ทำลายต้นไม้อื่นได้
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับต้นไม้และพืชผักได้ที่ Plantlover.net