ว่านนกน้อย เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งพรรณไม้น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสายมูเตลูผู้รักในการเสี่ยงโชค อยากปลูกเจ้านกน้อยประดับบ้าน เสริมดวงด้านการเสี่ยงโชค อยากถูกหวยรวยเบอร์ วันนี้ Plantlover ได้รวบรวมข้อมูลแบบเจาะลึกเกี่ยวกับเจ้าต้นไม้มหาเฮงมาฝาก และนี่คือสิ่งที่คุณควรต้องรู้ให้ครบทุกข้อก่อนซื้อน้องมาดูแล!!
“ว่านนกน้อย” หรือ “นกน้อยนำโชค” น่าสนใจอย่างไร
ชื่อภาษาอังกฤษ : Slipper spurge, Candelilla และ Variegated Devil’s Backbone
ชื่อภาษาไทย : นกน้อยนำโชค, นางกวักสาลิกาลิ้นทอง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Euphorbia bracteate
ชื่อวงศ์ : Euphorbiaceae
ชื่อสกุล : Euphorbia
Euphorbia bracteate เป็นต้นไม้ที่มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศเม็กซิโกและอเมริกากลางเสียเป็นส่วนใหญ่ พบได้มากในบริเวณป่าผลัดใบ นอกจากนี้ก็ยังพบได้ตามพื้นที่เขตร้อนกึ่งทะเลทรายและประเทศร้อนชื้น เจ้านกน้อยนำโชคเคยเรียกเสียงฮือฮาในประเทศไทย ดินแดนแห่งการเสี่ยงโชคด้วยตัวเลข นำมาซึ่งความเชื่อจนเป็นที่ต้องการของตลาดสูง สร้างเม็ดเงินให้บรรดาพ่อค้าแม่ขายต้นไม้ได้หน้าชื่นตาบาน
ความเชื่อเกี่ยวกับ“ว่านนกน้อย” หรือนางกวักสาลิกาลิ้นทอง
คนไทยส่วนใหญ่เชื่อว่า ว่านนกน้อยหรือเจ้านกน้อยนำโชคนั้น เป็นไม้ประดับมงคล ช่วยเสริมโชคลาภ ให้แก่ตนเองและครอบครัวหากปลูกเอาไว้ในบริเวณบ้าน โดยว่านชนิดนี้จะเน้นเรื่องเงินเป็นหลัก การงาน ทำมาค้าขาย เงินทองกองก่าย กิจการรุ่งเรือง และยิ่งไปกว่านั้นก็คือ หากไม้ประดับต้นนี้ออกดอกเมื่อไหร่จะทำให้คนในบ้านถูกหวยรวยเบอร์
แต่หารู้ไม่ว่าเขาเป็นไม้ประดับที่ออกดอกงอกงามตลอดทั้งปี หากเจ้าของหมั่นดูแลเอาใจใส่ดี แต่ใครมันจะไปถูกหวยกันทุกงวดจริงไหม? ดังนั้นก็ควรปล่อยให้เรื่องนี้เป็นเพียงความเชื่ออย่างมงาย ตั้งอกตั้งใจเลี้ยงเขาเพื่อหวังพักผ่อนสายตาจะดีกว่า ให้เขาเป็นแค่ตัวช่วยในการเสริมพลังการเสี่ยงโชคอยู่ห่าง ๆ ก็เพียงพอแล้ว
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของนกน้อยนำโชค
ลำต้น : ลำต้นของเขาเป็นทรงกระบอก อาจสูงได้ราว ๆ 2 – 3 เมตร เลยทีเดียว ผิวลำต้นขรุขระ ไม่เรียบ บริเวณกิ่งมีน้ำยางสีขาว
ใบ : สิ่งที่โดดเด่นไม่แพ้ดอกก็คือใบ ซึ่งมีลักษณะเป็นใบประกอบขนนก ใบย่อยเรียงสลับกันเป็นคู่ รูปหอก กว้าง 1-2 เซนติเมตร ยาว 1.5-3 เซนติเมตร ปลายใบมนเล็กกว่าโคน ใบสอบ ขอบเรียบ มักมีสีเขียวเข้มแซมชมพูเล็กน้อย
ดอก : ไฮไลท์สำคัญของว่านนกน้อยก็คือ ดอกของเขานี่ล่ะ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเสียงเรียงนาม ลักษณะดอกจะเป็นช่อกระจุกบริเวณปลายกิ่ง ใบประดับเป็นรูปไข่ ปลายแหลม โดยรวมเมื่อมองเผิน ๆ จะคล้ายคลึงกับนก เกสรเพศเป็นกระจุกโน้มหาเกสรเพศเมีย ดอกส่วนใหญ่มักมีสีชมพู
ผลและเมล็ด : ว่านชนิดนี้มีผลรูปร่างคล้ายกับแอปเปิลสีเขียวอ่อน มีร่อง 4-5 แฉก ด้านในผลจะมีเมล็ดสีน้ำตาลเข้มขนาดเล็ก
สายพันธุ์ที่นิยมปลูกในไทย
สำหรับต้นนกน้อยนำโชค ภาษาของเกษตรกรผู้ปลูกมักจะแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ นกน้อยตัวเมียและนกน้อยตัวผู้ ซึ่งนกน้อยตัวผู้จะค่อนข้างได้รับความนิยมปลูกเพื่อเป็นไม้ประดับสวยงามมากว่าตัวเมีย เนื่องจากมีสีชมพูสวยและมีใบที่เล็กกว่า
การขยายพันธุ์และการปลูก
สำหรับการขยายพันธุ์ว่านนกน้อยไม้ประดับมงคลชนิดนี้สามารถทำได้โดย 3 วิธีหลัก ๆ คือ การเพาะเมล็ด, การเสียบยอดและการปักชำ ซึ่งเกษตรกรผู้ปลูกส่วนใหญ่มักเลือกวิธีการ “เพาะเมล็ด” เป็นหลัก เนื่องจากเป็นวิธีที่ทำให้ต้นไม้มีระบบรากที่แข็งแรง มีความพร้อมในการเจริญเติบโตดียิ่งกว่าการขยายพันธุ์ด้วยวิธีอื่น และการเพาะเมล็ดนางกวักสาลิกาลิ้นทองสามารถทำได้ ดังต่อไปนี้
1.นำเมล็ดไปแช่ไว้ในน้ำอุ่นเป็นเวลา 1 คืน
2.จากนั้นเตรียมดินปลูกซึ่งต้องเป็นดินที่ระบายน้ำได้ดี แนะนำให้ใช้ดินร่วนผสมใบก้ามปู หรือหากไม่มีก็สามารถผสมกับใบมะพร้าวได้ในอัตราส่วน 1:1 โดยใช้กระถางเจาะรูที่ก้น
3.นำเมล็ดพร้อมปลูกมากดลงไปในดินเพียงเล็กน้อย กลบให้เสร็จสรรพ จากนั้นรดน้ำให้ความชุ่มชื้น
การดูแล
เมื่อเราปลูกจนเขาเริ่มโตขึ้นมา ให้นำกระถางไปวางไว้ในพื้นที่ที่มีแสงแดดส่องถึงตลอดทั้งวัน แต่แดดไม่จัด และรดน้ำอย่างสม่ำเสมอเช้า-เย็น เนื่องจากเขาเป็นต้นไม้ที่ชื่นชอบน้ำเป็นพิเศษ แต่ก็ควรระวังไม่ให้ดินแฉะจนเกินไป เน้นความพอดี อาจมีการเติมปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักให้เขาบ้างตามสมควร เรื่องศัตรูพืชปัญหาที่มักพบเจออยู่บ่อยครั้งก็คือ เพลี้ยไฟ-ไรแดง สามารถกำจัดด้วยวิธีธรรมชาติง่าย ๆ ด้วยการใช้น้ำผสมหอมแขกปั่นเพื่อฉีดพ่นทั่วทั้งต้น
และนี่ก็คือข้อมูลเกี่ยวกับ “ว่านนกน้อย” ที่คนอยากปลูกจำเป็นต้องรู้อย่างละเอียด เพื่อนำไปเป็นแนวทางในการดูแลเจ้านกน้อยของเราให้ผลิดอกออกมาพบโลกกว้าง เสริมสร้างความเป็นสิริมงคล โชคลาภให้แก่นักเสี่ยงดวงทั้งหลาย โดยรวมแล้วเขาคือไม้ประดับที่มีความยุ่งยากระดับกลาง ๆ ต้องการความใส่ใจพอดิบพอดี ใครก็สามารถปลูกได้อย่างแน่นอน หากคุณสนใจก็อย่ารอช้า พุ่งตัวไปตามหาเจ้าว่านนี้มาครอบครองด่วน ๆ
