“ม่วงมงคล” ไม้ดอกสวย เป็นสมุนไพร ใครอยากปลูกต้องรู้เกี่ยวกับสิ่งนี้ 

by plantlover
ม่วงมงคล

ม่วงมงคล แค่ชื่อของเขาก็ฟังดูเป็นต้นไม้มงคลแล้วใช่ไหม หลายคนเห็นดอกสีม่วงเข้มของเขาแล้วเกิดอาการตกหลุมรักหัวใจระทวย อยากปลูกเอาไว้ดูเล่นแก้เหงา หากคุณคือคนที่กำลังตามหาข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าดอกไม้ชนิดนี้ เพื่อนำไปต่อยอด วันนี้ Plantlover มีข้อมูล และเรื่องน่าสนใจมาฝาก บอกเลยว่านี่คือสิ่งที่คนอยากปลูกต้องรู้!! 

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่

รู้จักกับ “ม่วงมงคล” ดอกไม้สีม่วงสวยที่ไม่ได้มีดีแค่ชื่อของเขา 

ม่วงมงคล

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Melastoma malabathricum L. 

วงศ์ : Melastomataceae

ชื่อภาษาอังกฤษ : Tibouchina – Glory Bush 

ชื่อสามัญ : Indian Rhododendron, Malabar Melastome, Melastoma และ Malabar Gooseberry 

ชื่ออื่นในภาษาไทย : ต้นโคลงเคลง, อ้าหลวง (ภาคเหนือ), ตะลาเด๊าะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), สาเร (ภาคใต้), โคลงเคลงขี้นก, โคลงเคลงขี้หมา 

ม่วงมงคลเป็นต้นไม้น่าปลูกอันมีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศออสเตรเลียและบราซิล บ้างก็ว่ามีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศไทย พบมากทางตอนใต้ของประเทศไทย เขาเป็นไม้พุ่มขนาดใหญ่ เป็นต้นไม้ที่มีประโยชน์มากมายนอกจากความสวยงาม รวมถึงทางด้านสมุนไพร อีกทั้งยังเลี้ยงง่าย โตไว สามารถเกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติ จะชอบที่ลุ่มชุ่มชื้นเป็นพิเศษ บอกเลยว่าไม่ว่าใครก็ปลูกได้อย่างแน่นอน 

ความเชื่อ 

คนไทยเชื่อว่าโคลงเคลงเป็นไม้มงคล หากใครได้ปลูกไม้ชนิดนี้เอาไว้ในบริเวณบ้านจะก่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต นำพามาซึ่งโชคลาภ อีกทั้งในบางประเทศก็ยังมีความเชื่อว่า ดอกไม้ที่มีสีม่วงเช่นนี้ จะช่วยนำพาความเปลี่ยนแปลงที่ดีมาให้แก่ชีวิต สติปัญญา และนำมาซึ่งความมั่งคั่ง และยังเป็นดอกไม้ที่สื่อถึงความโรแมนติกอีกด้วย 

ลักษณะทางพฤกษาศาสตร์ 

ม่วงมงคล

ลำต้น : ลำต้นของเขาเป็นทรงพุ่ม มีความสูงราว ๆ 1-3 เมตร กิ่ง ก้าน รวมถึงลำต้นทั้งหมดเป็นสีน้ำตาลแดง ทรงเหลี่ยม มีขนสีน้ำตาลอ่อนปกคลุมไปทั่วทุกบริเวณของต้น 

ใบ : ลักษณะใบของเขาเป็นแบบใบเดี่ยว ออกเรียงกันเป็นคู่ตรงข้ามสลับกันในมุมฉาก ความกว้างของใบราว ๆ กว้าง 1.7-5 เซนติเมตร ส่วนความยาวอยู่ที่ 4-14 เซนติเมตรโดยประมาณ โคนแหลมแต่ปลายแหลมกว่า ผิวใบไม่เรียบ มีเม็ดเล็กละเอียดขึ้นทั่วทุกบริเวณ แผ่นใบแข็ง ไร้หูใบ 

ดอก : ไฮไลท์ของต้นไม้ชนิดนี้ก็คือ “ดอก” ลักษณะการออกดอกจะออกเป็นช่อประมาณช่อละ 3-5 ดอกบริเวณปลายยอด เป็นดอกแบบสมบูรณ์เพศ มีเกสรเพศผู้สีเหลืองทั้งหมด 10 ก้าน ดอกมีสีม่วงอมชมพูไปจนถึงม่วงเข้มในบางสายพันธุ์ ทั่วไปมักมีกลีบดอกตั้งแต่ 4-6 กลีบ สามารถออกดอกได้ตลอดทั้งปีแต่จะมีมากที่สุดในฤดูฝน 

ม่วงมงคล

ผล : โคลงเคลงเป็นไม้มีผล ลักษณะผลของเขาคล้ายคลึงกับลูกข่างของเล่น มีขนปกคลุม เนื้อในผลสีแดง ขนาดโดยรวมทั้งกว้างและยาวประมาณ 1 เซนติเมตร หากผลแก่เมื่อไรเปลือกจะแห้งและแตกออกตามแนวขวาง เนื้อด้านในผลนุ่มและมีเมล็ดจำนวนมาก 

ประโยชน์ 

ม่วงมงคล

ม่วงมงคลไม่เพียงแต่เป็นไม้ประดับเพื่อความสวยงามเท่านั้น เรายังนำส่วนต่าง ๆ ของเขามารับประทานได้อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น ใบอ่อน นำมารับประทานเป็นผักสด ส่วนใบแก่นำมารูดเมือกปลาไหลออกได้เป็นอย่างดี ผลสุกก็นำมาทานเป็นผลไม้ มีรสหวานอมฝาด 

สรรพคุณทางยา

ใบ : ช่วยรักษาแผลไฟไหม้, รักษาโรคระดูขาวของสตรี, แก้ริดสีดวงทวาร, นำมาคั้นรักษาโรคท้องร่วง ท้องบิด, เป็นน้ำยาบ้วนปาก 

ราก : แก้ร้อนในกระหายน้ำ, บำรุงตับ ไต และดี, เป็นยาดับพิษไข้, แก้ปวด, บำรุงหลังการคลอดบุตร, 

ดอก : ใช้ห้ามเลือดคนที่เป็นริดสีดวงทวาร 

การขยายพันธุ์และปลูก 

ม่วงมงคล

สำหรับการขยายพันธุ์ทำได้ถึง 3 วิธีด้วยกัน ทั้งการปักชำกิ่ง แยกกอ และเพาะด้วยเมล็ด ซึ่งแต่ละวิธีจะมีข้อดีและเสียแตกต่างกันออกไป ทว่าวิธีปลูกต้นโคลงเคลงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจากเกษตรกรได้แก่ “ปักชำกิ่ง” ที่ไม่ต่างจากต้นไม้ทั่วไป แต่กรณีดังกล่าวเราจะต้องเลือกตัดกิ่งอ่อนของโคลงเคลงที่สมบูรณ์แบบมากที่สุดเป็นท่อนสั้น ๆ จากนั้นปักชำลงในกาบมะพร้าว ข้อควรระวังก็คือ แสงแดด ต้องอยู่ในบริเวณที่มีแสงรำไร สเปรย์น้ำบ่อย ๆ จนกว่ารากของเขาจะงอกเต็มที่ใช้เวลาประมาณ 1 เดือน 

การปลูกควรทำในดินร่วน เพราะระบายน้ำได้ดี มีสิ่งต่าง ๆ ใช้บำรุงรากมากกว่าดินชนิดอื่น ทั้งนี้เขาเป็นพืชที่ชอบแสงแดด ก็สามารถปลูกเอาไว้กลางแดดแจ้งได้เลยไร้ความกังวล รดน้ำแบบเช้า – เย็น ไม่ต้องแฉะมาก เพราะเป็นต้นไม้ชื่นชอบน้ำปานกลาง หรือจะรดเพียงวันละ 1 ครั้งก็ได้หากเป็นคนมีเวลาน้อย หมั่นใส่ปุ๋ยคอกสักเดือนละ 1 ครั้งก็เพียงพอ เท่านี้ต้นไม้ ดอกไม้สวยของเราก็จะเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพแล้วล่ะ 

และนี่ก็คือข้อมูลเกี่ยวกับ “ม่วงมงคล” หรือต้นโคลงเคลง ไม้ดอกสีม่วงสวยที่เรานำมาฝากทุกท่านพอสังเขป สำหรับคนที่อยากทราบเกี่ยวกับการดูแลต้นไม้ รวมถึงประวัติความเป็นมาเพื่อให้ตนเองรู้สึกอินกับเจ้าสิ่งนี้มากยิ่งขึ้น คงได้เห็นกันไปแล้วใช่ไหมว่าความสวยงามอันเลอค่า ที่มาพร้อมกับวิธีการปลูกและดูแลรักษาที่ไม่ยากจนเกินไป แถมยังเป็นพืชสมุนไพร รับประทานได้ มีประโยชน์มากมายเกินคาดคิด หวังว่าสิ่งเหล่านี้จะตอบโจทย์ความอยากรู้ของทุกคนนะคะ

You may also like

Leave a Comment