เชื่อว่าเพื่อน ๆ น่าจะเคยได้ยินชื่อ “พุดตาน” ผ่านหูกันมาบ้างแล้ว เขาคือต้นไม้พุ่มสูงที่ให้ดอกสีสันสวยงามน่าชม ซึ่งความพิเศษอยู่ที่ในหนึ่งวันสามารถเปลี่ยนสีได้ ไล่ตั้งแต่ขาว ชมพูอ่อน ไปจนถึงชมพูเข้ม จึงทำให้ในหนึ่งต้นมีความหลากหลาย แปลกตา แต่ปัญหาก็คือ บางคนปลูกแล้วไม่ออกดอก เป็นปัญหาระดับชาติที่ต้องหาทางแก้ไขอย่างถูกจุด ถ้าพร้อมแล้ววันนี้เรามีเคล็ดลับในการปลูกเลี้ยงต้นไม้ชนิดดังกล่าวมาฝาก
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
รู้จักกับ “พุดตาน” ไม้พุ่มมีดอกสามสีในหนึ่งวัน ปลูกอย่างไรให้ออกดอก!
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Hibiscus mutabilis var. plenus
ชื่อวงศ์ : Malvaceae (วงศ์ชบา)
ชื่อสามัญ : Changeable Rose, Confederate Rose, Cotton Rosemallow หรือ Chinese Rose
ชื่อภาษาไทยอื่น : ดอกสามสี สามผิว (ภาคเหนือ)
พุดตาน คือไม้พุ่มสูงน่าปลูกชนิดหนึ่ง มีถิ่นกำเนิดมาจากทางตอนใต้ของประเทศจีน ก่อนกระจายตัวไปยังภูมิภาคอื่นซึ่งมีสภาพอากาศใกล้เคียงกัน รวมถึงประเทศไทยตั้งแต่สมัยอดีตสันนิษฐานว่า เริ่มนำเข้ามาปลูกในยุครัตนโกสินทร์ สมัยรัชกาลที่ 2 เป็นช่วงเวลาที่ไทยมีการค้าขายพันธุ์พืชกับชาวจีน แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่มีหลักฐานปรากฏอย่างชัดเจน
ความเชื่อของชาวจีน
นอกจากความสวยงามแล้วพุดตานยังเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ ความมั่นคง และดอกของเขายังแสดงให้เห็นถึงวัฏจักรชีวิตตามธรรมชาติ เมื่อแรกแย้มมีสีขาวบริสุทธิ์ผุดผ่องราวกับเด็ก ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูอ่อนสดใสดังวัยรุ่น สุดท้ายสีชมพูเข้มเหมือนคนแก่ เหี่ยวแห้งและโรยราลงไป ชาวจีนเชื่อว่าเจ้าต้นนี้เป็นไม้มงคล หากปลูกเอาไว้จะช่วยส่งเสริมด้านยศถาบรรดาศักดิ์แก่ผู้อยู่อาศัย ส่วนชาวไทยไม่ค่อยนิยมปลูกในบ้านเนื่องจากดอกของเขาเปลี่ยนสีได้ เหมือนความกลับกลอก ไม่แน่นอน
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลำต้น : ความสูงอยู่ที่ราว ๆ 2-5 เมตรโดยประมาณ ผิวเปลือกต้นสีเทาสว่าง แตกกิ่งต่ำเป็นพุ่ม ค่อนข้างโปร่ง พบขนสีขาวบริเวณกิ่งอ่อน
ใบ : เป็นใบเดี่ยวรูปหัวใจ เว้าหยักลึก 3-5 แฉก ปลายใบแหลม แผ่นใบสีเขียวหม่นถูกปกคลุมด้วยขนอ่อนให้ความรู้สึกสากมือ เส้นใบค่อนข้างชัด ขนาดใบกว้าง 9-20 เซนติเมตรและยาว 10-22 เซนติเมตรโดยประมาณ
ดอก : ดอกพุดตาน เป็นดอกเดี่ยวซึ่งมีทั้งกลีบซ้อนและกลีบชั้นเดียว มักออกตามซอกใบหรือปลายยอดในระยะใกล้กัน จึงมองดูเหมือนกับว่าออกดอกเป็นช่อ ประกอบไปด้วย กลีบเลี้ยง ริ้วประดับสีเขียว 7-10 อัน ยอดเกสรตัวเมียสีเหลือง สีของดอกเปลี่ยนไปตามอุณหภูมิตลอดทั้งวัน โดยเริ่มจากสีขาว ชมพูอ่อน ชมพูเข้ม ไปจนถึงแดงก่อนร่วงโรย โดยสามารถออกดอกให้เห็นได้ตลอดทั้งปี หากปลูกไว้เป็นดอกไม้หน้าบ้านจะช่วยสร้างความสดใสให้แก่สวนได้มาก
ผล : รูปทรงกลม ผลแก่จะแตกออกเป็น 5 แฉก พบเมล็ดรูปคล้ายไต มีขนยาวด้านในจำนวนมาก
ประโยชน์
นอกจากการปลูกเป็นไม้ประดับแต่งสวนเพื่อความร่มรื่นแล้ว ยังนิยมปลูกเพื่อบดบังเป็นกำแพงสีเขียวเป็นแนวยาวเพื่อความสวยงาม ในอดีตรากพุดตานถูกนำมาทำเป็นแป้งผลัดหน้าสำหรับสาว ๆ ตามส่วนต่าง ๆ ของต้นมีสรรพคุณทางยาเป็นสมุนไพร โดยเฉพาะราก นำมาหั่นฝอยตุ๋นกับกระดูกหมูตุ๋น รับประทานแก้ปวดเอวรสชาติดีอีกด้วย
การขยายพันธุ์
พุดตาน ขยายพันธุ์ง่าย ไม่ยุ่งยาก ส่วนใหญ่นิยมใช้วิธีการปักชำ เนื่องจากทำได้ง่าย และถ้าหากคุณเป็นมือใหม่หัดปลูกต้นไม้ ที่ไม่รู้ว่าจะปักชำเจ้าต้นนี้อย่างไรดีให้เกิดรากแข็งแรง เรามีเคล็ดไม่ลับมาแนะนำ
อุปกรณ์ที่ต้องใช้
– กรรไกรตัดกิ่ง
– มีดควั่นกิ่ง
– ดินปลูก
– ถุงเพาะชำ
– พุดตานต้นแม่ที่สมบูรณ์
ขั้นตอนวิธีการปักชำกิ่งต้นไม้
1. ใช้กรรไกรตัดกิ่ง ตัดกิ่งต้นพุดตานที่ไม่อ่อนหรือแก่จนเกินไปออกมา
2. ตัดกิ่งเป็นท่อนขนาดประมาณ 1 ฟุต โดยเลือกตัดที่บริเวณใต้ตาใบในแนวเฉียงเล็กน้อย
3. จากนั้นใช้มีดควั่นผิวเปลือกด้านล่างออก ความยาวประมาณ 3-4 เซนติเมตร พร้อมขูดเนื้อเยื่อออก
4.นำกิ่งที่ควั่นแล้วไปแช่น้ำยาเร่งรากทิ้งไว้สัก 10-15 นาที
5.จากนั้นบรรจุดินปลูกใส่ถุงเพาะชำ
6.รดน้ำเพื่อความชุ่มชื้น
7.นำกิ่งที่แช่น้ำยาแล้วเสียบลงไป กดดินให้แน่นเพื่อประคองต้นไม้เอาไว้
8. วางถุงเพาะชำไว้ในพื้นที่แสงแดดรำไรจนกว่าจะงอกรากแข็งแรง
การปลูก/ดูแล
ดิน : เน้นดินร่วนที่สามารถเก็บความชุ่มชื้นได้ดี ก่อนปลูกให้ผสมอินทรียวัตถุลงไปด้วย
แสง : ทำไมปลูกพุดตานแล้วไม่ออกดอก ส่วนหนึ่งก็เพราะเขาได้รับแสงแดดไม่เพียงพอ เจ้าต้นนี้ต้องการแสงแดด 6-8 ชั่วโมงต่อหนึ่งวัน แนะนำให้ปลูกกลางแจ้งได้เลยเพราะเป็นต้นไม้ทนแดด ชอบแสงมาก
น้ำ : หากมีเวลาควรรดน้ำให้เขาวันละ 2 ครั้งเช้า-เย็น เนื่องจากเป็นต้นไม้ที่ชอบความชุ่มชื้น แต่อย่าให้น้ำท่วมขังจนแฉะ
และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวเกี่ยวกับพุดตาน ต้นไม้ดอกสวยเปลี่ยนสีตลอดทั้งวัน ที่เราอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้ลองไปทำความรู้จัก เป็นอย่างไรบ้างคะ ทั้งขยายพันธุ์ง่าย เลี้ยงง่าย สีสันสดใสมากเลยใช่ไหมล่ะ ใครปลูกแล้วไม่ออกดอกก็อย่าลืมย้ายต้นไม้ออกไปไว้กลางแจ้ง ให้เขาโดนแดดมากหน่อย ดูแลดินและน้ำให้ดี สุดท้ายนี้เราหวังอย่างยิ่งว่าสิ่งที่นำมาฝากจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนนะคะ
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับต้นไม้และพืชผักได้ที่ Plantlover.net