“ราชาวดี” ไม้ดอกสีขาว กลิ่นหอมแรง ใครก็ปลูกได้ แต่ต้องดูแลให้เป็น!! 

สำหรับ “ราชาวดี” เขาเป็นต้นไม้ดอกสวยที่อยู่คู่กับประวัติศาสตร์ชาติไทยของเรามาช้านาน ทว่าไปก็ยังไม่ค่อยมีหลักฐานปรากฏแน่ว่า มีความเป็นมามาจากสถานที่ไหน และถึงแม้ส่วนใหญ่จะเป็นไม้ดอกสีขาวสวยเหมือนหางกระรอก แต่ก็ยังมีสายพันธุ์อื่นที่น่าสนใจ ซึ่งวันนี้เราอยากพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับดอกไม้ชื่อว่าราชาวดี ทว่าใคร ๆ ก็ปลูกได้ แต่ต้องดูแลให้เป็น!! 

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่

รู้จักกับ “ราชาวดี” ดอกไม้มงคล ทรงหางกระรอก ประดับบ้าน กลิ่นหอม!! 

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Buddleja paniculata Wall. 

วงศ์ : Buddleia paniculata 

สกุล : Buddleja 

สปีชีส์ : B. paniculata 

ชื่อภาษาอังกฤษ : Butterfly Bush, Summer lilac 

ชื่อไทยและอื่น ๆ : หางกระรอกเขมร, ไค้หางม้า, ไค้หางหมา 

“ราชาวดี” จัดเป็นไม้ยืนต้น ทรงพุ่มไม่แน่นอน ซึ่งไม่สามารถทราบได้ชัดเจนว่า ถิ่นกำเนิดที่แท้จริงนั้นอยู่ที่ใดกันแน่ บางตำราบอกว่าเจ้าพันธุ์ไม้นี้มีถิ่นฐานบ้านเกิดอยู่ที่ คาบสมุทรอินโดจีน เช่น มาเลเซีย อินเดีย และประเทศไทย ซึ่งแน่นอนว่าในบ้านเรานั้นสามารถปลูกได้แบบสบาย ๆ แต่ก็ยังมีข้อควรระวังอยู่บ้างโดยเฉพาะเรื่องกลิ่นของเขา 

ไค้หางหมา เป็นดอกไม้ กลิ่นหอมฉุน จะหอมแรงมากเป็นพิเศษในช่วงกลางวัน แต่จะหอมแรงขึ้นไปอีกตอนกลางคืน หากให้อธิบายเรื่องกลิ่นก็จะสไตล์ดอกไม้สีขาวทั่วไปที่เรามักคุ้นเคยกันดี ซึ่งจะบอกว่าหอมหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมและความชื่นชอบของแต่ละบุคคล แต่โดยส่วนตัวรู้สึกว่าเป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมชนิดหนึ่งเลย

ความเชื่อ 

เนื่องจากเขาเป็นต้นไม้ที่มีความเกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ในสมัยโบราณ คนจึงเชื่อกันว่าหากปลูกเอาไว้ที่บ้านจะช่วยเสริมบารมีของผู้อยู่อาศัย มีผู้คนนับหน้าถือตา เกรงอกเกรงใจ โดยเฉพาะบ้านใดมีผู้อยู่อาศัยที่ทำงานเกี่ยวข้องกับกฎหมาย เจ้าดอกไม้นี้จะช่วยเกื้อกูลได้เป็นอย่างดี 

ลักษณะทางพฤกษาศาสตร์ 

ลำต้น : อย่างที่บอกไปว่าเขาคือไม้ยืนต้น ขนาดเล็ก ทรงพุ่มโปร่ง ไม่แน่นอน ลำต้นของเขามีขนาดไม่ใหญ่มาก เปลือกเรียบสีน้ำตาลอมเทา กิ่งก้านยาว หากเป็นกิ่งอ่อนก็มักมีสีเขียวสด มีขนบาง ๆ ปกคลุมอยู่ 

ใบ : ส่วนของใบจะเป็นแบบใบเดี่ยว ออกเป็นคู่ตามข้อ มีลักษณะรูปไข่แกมรี โคนสอบ ปลายแหลม ขอบหยักเล็กน้อย ท้องใบแกมน้ำเงิน หลังใบเขียว ผิวใบสากมือ 

ดอก : สำหรับดอกเรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์ที่คนปลูกรอคอย เขาจะออกดอกกระจุกเป็นช่อบริเวณปลายกิ่ง ความยาว 2-3 นิ้วโดยประมาณ ลักษณะของช่อจะยาวออกมาเหมือนหางกระรอก กล่าวคือเชิงรูปกรวย ดอกย่อยมีขนาดเล็กมาก หากเป็นดอกราชาวดีป่าก็เล็กกว่าดอกที่ปลูกตามบ้านอย่างเห็นได้ชัด จริงแล้ว ๆ เขามีมากกว่าแค่สีขาว หากปลูกผสมต้นม่วง ต้นชมพู จะออกมาสวยงามเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งดอกย่อยจะเริ่มบานตั้งแต่โคนช่อไปจนถึงปลายช่อ อาจใช้เวลาตั้งแต่ 7-10 วัน 

ขยายพันธุ์ 

หากต้องการขยายพันธุ์ ไม้ดอกไม้ประดับชนิดนี้ ส่วนใหญ่มักนิยมทำกันเพียง 2 อยู่วิธีเท่านั้นได้แก่ การตอนกิ่งซึ่งให้ผลดีมาก และอีกหนึ่งวิธีคือการปักชำ ซึ่งเราจะต้องใช้กิ่งอ่อนที่มีความพร้อม แข็งแรง สมบูรณ์มากที่สุดมาปักลงในกระบะหรือกระถาง ที่มีพลาสติกห่อหุ้มเอาไว้อีกทีแล้วรดน้ำเพื่อสร้างความชื้นด้านในประมาณ 3 -4 วัน 

การปลูก / ดูแล 

เมื่อเราได้ต้นไม้ที่พร้อมต่อการปลูกลงดินแล้ว สิ่งที่จำเป็นจะต้องเตรียมก็คือดินร่วนปนทรายที่ระบายน้ำได้ดี แม้เขาจะเติบโตได้ในดินทุกรูปแบบก็ตาม ข้อสำคัญคือการเลือกตำแหน่งในการปลูก นอกจากจะต้องคำนึงถึงแสงแดดจัดแล้ว ยังต้องห่วงเรื่องกลิ่นสำหรับบ้านที่มีคนเป็นโรคภูมิแพ้ โดยเฉพาะคนที่แพ้กลิ่นดอกไม้ อาจจะต้องปลูกให้ห่างจากตัวบ้านสักหน่อย ผู้ปลูกจะต้องหมั่นตกแต่งเขาอยู่เสมอหลังจากออกดอกแล้วเสร็จ 

ส่วนการดูแลก็ทำได้ไม่ยาก ให้น้ำแบบวันเว้นวัน หรือ 3 – 4 ครั้งต่อสัปดาห์ เพราะเขาไม่ค่อยชื่นชอบความแฉะชื้นเท่าไรนัก ต้องระวังอย่าให้เกิดน้ำท่วมขังเพราะอาจทำให้รากเน่าได้ เขาสามารถทนแล้งได้อยู่แล้ว เราก็สามารถใส่ปุ๋ย บำรุง ตามความเหมาะสมได้เลย ไม่ต้องคิดมาก เพราะเขาออกดอกง่าย ส่วนเรื่องโรคหรือแมลงรบกวนก็แทบจะไม่มี 

ราชาวดี ออกดอกเมื่อไหร่? 

ต้นราชาวดีจะออกดอกในช่วงฤดูฝนเป็นหลัก ประมาณเดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคม ไม่ว่าจะดอกสีใดก็ตาม ไม่สามารถออกดอกทั้งปีได้ตามคำโฆษณาอย่างแน่นอน 

ราคา 

สำหรับราคาขายของเขาส่วนใหญ่แล้วกำหนดโดยขนาดของกระถางเสียมากกว่า ต้นที่โตพอใส่กระถาง 8 นิ้วได้จะมีราคาอยู่ที่ต้นละ 90-100 บาท ขึ้นอยู่กับการตั้งราคาของแต่ละร้าน ทั้งนี้หากเพื่อน ๆ ไปซื้อหาตามช่องทางออนไลน์อาจจะต้องนำข้อมูลของเราไปประกอบการตัดสินใจ เพราะบางร้านมีการเขียนข้อความบิดพลิ้ว ให้ต้นไม้ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้นทั้งที่ไม่เป็นความจริง ระวังกันด้วยนะคะ 

และนี่ก็คือข้อมูลเกี่ยวกับ “ราชาวดี” ต้นไม้ที่ใคร ๆ ก็ปลูกได้ เพราะเขาปลูกง่าย โตไว ไม่ต้องคอยพะว้าพะวังเรื่องการดูแล เหมาะสำหรับมือใหม่และคนขี้เกียจรดน้ำต้นไม้บ่อย ๆ สุดท้ายนี้เราหวังอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนนะคะ 

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับต้นไม้ได้ที่ Plantlover.net