“กาฬพฤกษ์” น่าจะเป็นหนึ่งในต้นไม้ที่มองไกล ๆ แล้วใครหลายคนคงจะจำสับสนกับต้นนกยูงอยู่บ้าง เพราะสีสันที่มีความคล้ายคลึงกัน แต่เขาจะมีกิมมิคเล็กน้อยที่บ่งบอกได้ว่านี่คือต้นกาฬพฤกษ์ ซึ่งเราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับเขาให้มากยิ่งขึ้น ใครอยากปลุกต้นไม้ใหญ่ประดับบ้านเพื่อความสวยงาม ได้บรรยากาศ นี่คือสิ่งที่คุณต้องรู้ เพื่อการดูแลต้นไม้อย่างมีประสิทธิภาพ
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
รู้จักกับ “ต้นกาฬพฤกษ์” ต้นไม้ใหญ่ ดอกสวย ปลูกเอาไว้ เสริมดวงเรื่องงาน
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cassia Grandis L.F.
วงศ์ : Fabaceae หรือ Leguminosae (วงศ์ถั่ว)
ชื่อสามัญ : Horse Cassia, Pink Shower
ชื่อไทย : กาฬพฤกษ์
ชื่อท้องถิ่น : ไชยพฤกษ์ (ภาคกลาง), เปลือกขม (ปราจีนบุรี)
กาฬ และ พฤกษ์ สองคำนี้เมื่อรำมารวมกันจะหมายถึงต้นไม้สีดำ ซึ่งเป็นสีของลำต้นซึ่งมีความดำ มืด ว่ากันว่ามีถิ่นกำเนิดมาจากทางทวีปอเมริกาเขตร้อน ถูกค้นพบครั้งแรกในป่าดิบชื้นทางฝั่งอเมริกากลางและใต้ ยกตัวอย่างเช่น ป่าอเมซอน
ต้นกาฬพฤกษ์ เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่และที่สำคัญ พ่วงมาด้วยตำแหน่งต้นไม้ประจำจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเราอาจเคยเห็นเขาเด่นตระหง่าน หรือปลูกเรียงแถวตามสถานที่ราชการ ทว่าปัจจุบันอาจหาดูได้ยากเพราะเป็นพันธุ์ไม้ที่แทบไม่มีหลงเหลือให้เห็นแล้วในบางจังหวัดของประเทศไทย
ความเชื่อ
ตามความเชื่อชาวไทย ต้นไม้ใดมีนามลงท้ายว่า “พฤกษ์” จะช่วยส่งเสริมทางด้านการงาน ให้ประสบความสำเร็จดังใจหวัง งานก้าวหน้า เลื่อนตำแหน่ง หากลงมือทำสิ่งใดอยู่ก็จะสุขสมหวังดังใจปอง โดยเฉพาะธุรกิจ นอกจากนี้ความร่มเย็นของร่มเงา ยังช่วยเสริมความมงคลด้านความร่มเย็นเป็นสุขอีกด้วย เรียกได้ว่าปลูกเอาไว้ได้ประโยชน์หลายต่อ
ลักษณะทางพฤกษาศาสตร์
ลำต้น : ลำต้นของไม้ชนิดนี้มีขนาดใหญ่ อาจสูงได้ถึง 20 เมตร รูปร่างลำต้นคล้ายคลึงกับต้นคูน เปลือกต้นสีน้ำตาลเข้ม ไปจนถึงดำ มีรอยแตกร่องลึกและพูพอน บริเวณกิ่งอ่อนจะมีขนสีน้ำตาลขึ้นหนา มองโดยรวมเห็นยอดเป็นเรือนพุ่มแผ่กว้างสวย
ใบ : สำหรับใบของเขาจะเป็นใบประกอบขนนกปลายคู่ เรียงสลับตรงข้ามกัน อารมณ์เหมือนกับใบขี้เหล็ก แกนกลางใบยาว 15-30 เซนติเมตร ประกอบด้วยใบย่อย 10-20 คู่ ลักษณะใบย่อยเป็นรูปรีแกมไข่ โคนและปลายมน มีติ่งที่ปลายใบเล็กน้อยหากสังเกตจึงเห็น แผ่นใบบาง เกลี้ยง มีขนขึ้นใต้ใบ ใบส่วนใหญ่สีเขียว แต่เมื่ออ่อนจะมีสีแดง โดยเฉพาะบริเวณยอด
ดอก : สิ่งที่หลายคนรอคอยมาอย่างเนิ่นนานก็คือเจ้าดอกไม้สีชมพูสวยนี่ล่ะ เขาจะออกดอกเป็นช่อ บริเวณกิ่งไปพร้อมกับการผลิใบอ่อน หลังจากต้นไม้ผลัดใบทิ้ง แต่ละช่อมีความยาว 10-20 เซนติเมตรโดยประมาณ ดอกมีความแอบคล้ายกับเชอร์รี่ มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ดอกตูมรูปไข่ไปจนถึงกลมขนาดประมาณ 5 เซนติเมตร มีขนนุ่ม เมื่อบานจะออกแดงช้ำก่อนเปลี่ยนเป็นสีชมพู ดอกไม่ใหญ่มาก มีขนาดราว ๆ 8-10 มิลลิเมตร มาพร้อมกับ 5 กลีบดอก เกสรตัวผู้ 10 อัน แอบกระซิบว่าดอกจะออกดอกสวยงามมากที่สุดก็ตอนช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคม
ผล : ฝักจะออกเป็นแท่งทรงกระบอกยาว 20-40 เซนติเมตร ปลายและโคนสอบ ผิวขรุขระ มีรอยแตก ไม่เนียน เมื่อแก่แล้วจะแห้งและแตกเอง เผยให้เห็นเนื้อในสีขาวและเมล็ดจำนวนมาก โดยรวมแล้วคล้ายกับฝักคูณ
การขยายพันธุ์
กาฬพฤกษ์ ขยายพันธุ์ไม่ยาก ส่วนใหญ่สามารถเพาะพันธุ์โดยใช้เมล็ด โดยเลือกเก็บมาจากฝักใต้ต้นที่ร่วงหล่นตามกาลเวลา แต่ต้องเลือกฝักที่ค่อนข้างสมบูรณ์หน่อยมาแกะเมล็ดออกและนำไปแช่น้ำทิ้งไว้เป็นเวลา 1 คืน ก่อนนำไปวางลงบนทิชชู พรมน้ำให้เปียกตลอดเวลา อาจใช้ฝาปิดกล่องเอาไว้ ทำเช่นนี้ประมาณ 3-4 วันรากก็จะเริ่มงอกออกมาให้เราได้เชยชม ก่อนนำไปลงถุงเพาะชำ
ในระหว่างการเพาะ จะต้องวางถุงเพาะเอาไว้ในสถานที่มีแสงแดดครึ่งเช้า จนกว่าต้นเขาจะสูงประมาณ 40 เซนติเมตรแล้วจึงค่อยนำไปปลูกลงดินในบริเวณที่เราต้องการ
การปลูก / ดูแล
การดูแลต้นไม้อย่างกาฬพฤกษ์นั้นแสนง่ายดาย เพราะเขาทนแล้งได้ดีจึงไม่ต้องรดน้ำบ่อย หากปลูกลงในดินร่วนซุยจะช่วยในเรื่องของการระบายน้ำได้ดี แต่ทั้งนี้หากต้องการให้ต้นเติบโตอย่างมีคุณภาพมากขึ้นก็จะต้องปลูกเขาเอาไว้ในที่ที่มีแดดส่องถึงตลอดทั้งวัน ส่วนใครที่รอคอยดอกของเขาอยู่ น้องจะโผล่มาให้เห็นช่วงปลายฤดูหนาว อากาศกำลังดีเลยเชียว
6 ประโยชน์และสรรพคุณ
1.เนื้อฝักรับประทานคู่กับหมาก
2.เนื้อฝักเป็นยาแก้พิษไข้
3.เนื้อฝักใช้ปรุงเป็นยาระบาย
4.เปลือกและเนื้อไม้มีรสฝาด นำมาฟอกหนังได้
5.เปลือกและเมล็ดทำให้อาเจียน
6.เป็นไม้ประดับ
และนี่ก็คือข้อมูลเกี่ยวกับ “ต้นกาฬพฤกษ์” ที่เราได้ทำการรวบรวมมาฝากเพื่อน ๆ ทั้งการปลูก การดูแล ไม่มีสิ่งใดถูกหรือผิด สามารถเลือกทำได้ตามความเหมาะสมและปรับเวลาการดูแลได้ตามใจ หากเพื่อน ๆ นำหลักการเหล่านี้ไปใช้ รับรองว่าจะต้องเลี้ยงดูเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน สุดท้ายนี้เราหวังอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนนะคะ โดยเฉพาะมือใหม่หัดปลูกต้นไม้!!
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับต้นไม้ได้ที่ Plantlover.net
