“ไอริส” เป็นดอกไม้สวยงามชนิดหนึ่ง เชื่อว่าหลายคนเคยได้ยินชื่อกันมาบ้าง โดยเฉพาะสายน้ำหอม วันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับดอกไม้ชนิดดังกล่าว ใครคิดจะปลูกเขาในประเทศไทย และมีข้อสงสัยภายในใจ ห้ามพลาดเกร็ดความรู้ที่ Plantlover นำมาฝากเด็ดขาด ถ้าอยากปลูกดอกไม้ตระกูล Iris นี่คือสิ่งที่คุณต้องรู้!!
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
รู้จักกับ “ไอริส” ดอกไม้สวย ๆ มีติดบ้านไว้ เลิศไม่ไหว!!
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Iris hybrid
วงศ์ : Iridaceae
ไอริส (Iris) นั้นเป็นดอกไม้สวย ๆ อายุหลายปีที่นิยมปลูกเอาไว้เพื่อประดับบ้าน ประดับสวน หรือเป็นไม้ตัดดอก เดิมทีเขามีถิ่นกำเนิดทางประเทศเมืองหนาว แถบแอฟริกาใต้ ตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้บอบบาง เหมาะสำหรับแก่การปลูกอย่างทะนุถนอม เปี่ยมล้นไปด้วยเสน่ห์และมีความคล้ายคลึงกับกล้วยไม้อยู่ไม่น้อย
ตำนาน ความเชื่อ ความหมายและความสำคัญ
สำหรับดอก Iris ในภาษากรีกนั้นมีความหมายถึง “สายรุ้ง” ชื่อของเขามีที่มาจากเทพเจ้า Iris ทูตสวรรค์ผู้เป็นเทพีแห่งสายรุ้ง มีหน้าที่คอยส่งสารจากสวรรค์มายังโลกมนุษย์ผ่านสายรุ้ง ชาวกรีกเชื่อกันว่าดอกไม้สวย ๆ ชนิดนี้คือ “ดวงตาแห่งสวรรค์” เมื่อยามที่เราถือดอกไม้ชนิดนี้ติดตัวไปก็เหมือนมีสวรรค์ติดไปด้วย
นอกจากจะเป็นดอกไม้สวย ๆ แล้วก็ยังมีความหมายมากมาย สามกลีบดอกของเขาหมายถึง ความศรัทธา ปัญญา และความกล้าหาญ ทว่าในปัจจุบันมีความหมายที่แตกต่างออกไป ได้แก่ ศรัทธาเลื่อมใสและความคาดหวัง นอกจากนี้ดอกไอริสแต่ละสีก็ยังมีความหมายที่แตกต่าง ทุกท่านทราบหรือไม่ว่าในสมัยโบราณ ชาวโรมันใช้เขาเป็นดอกไม้แห่งการล้างบาป แต่ถ้าหากเรานำดอกไม้ไปให้คนรักก็จะช่วยสื่อถึงความรักและศรัทธาในตัวเขา
Iris ดอกไม้กลิ่นหอมที่มักส่งกลิ่นอยู่ในน้ำหอมแบรนด์ดัง
เชื่อว่าคนใช้น้ำหอมหลายคนจะเคยเห็น notes น้ำหอมดอก Iris กันมาบ้าง โดยเฉพาะน้ำหอมกลิ่น Floral แบรนด์ดังระดับโลกทั้งหลาย เขาเป็นดอกไม้สวย ๆ ที่ส่งกลิ่นละมุนอย่างละเมียดละไม มีเอกลักษณ์ สดใส สง่างาม ให้ความเป็นผู้หญิง ซึ่งหากได้ลองดมสักครั้งจะเป็นความทรงจำฝังหัวตลอดกาล ว่ากันว่าในเดือนพฤษภาคมจะส่งกลิ่นหอมอบอวลออกมามากที่สุด
ลักษณะทางพฤกษาศาสตร์ของดอก
ลำต้น : สำหรับลำต้นจริงจะมีลักษณะเป็นเหง้าทอดยาง เลื่อยอยู่ใต้ดิน จะแตกเป็นกอความสูงราว ๆ 60 เซนติเมตร
ใบ : ใบของเขามีรูปร่างเป็นแถบยาว เรียวและแหลม
ดอก : ไฮไลท์สำคัญของเจ้าต้นไม้ชนิดนี้อยู่ที่ดอกของเขา ลักษณะการออกดอกจะออกเป็นช่อเชิงลด ก้านช่อดอกกลม กลีบวงนอกโค้ง กลีบวงในงอ ชูตั้งขึ้น บริเวณตรงกลางมีลายพาดกลางกลีบดอก ซึ่งดอกของเขาจะออกในฤดูฝนเป็นหลัก
การปลูก ขยายพันธุ์
สำหรับการขยายพันธุ์ของดอกไอริสนั้น สามารถทำได้หลายวิธีไม่ว่าจะเป็นการเพาะเมล็ด (วิธีนี้อาจทำให้ต้นกลายพันธุ์ได้) หรือการใช้เหง้าและการแยกหน่อ ซึ่งเราขอแนะนำให้ใช้วิธีการแยกหน่อจะดีที่สุด สามารถทำได้โดยการแยกหน่อออกมาจากช่อดอก จากนั้นนำไปแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 1 สัปดาห์เต็ม ๆ รากของเขาก็จะงอกออกมาและสามารถนำไปปลูกลงดินได้เลย
อุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการปลูก
1.ดินปลูก 1 ส่วน
2.กาบมะพร้าวสับ 1 ส่วน
3.อินทรียวัตถุ 1 ส่วน
4.กระถางเจาะรูระบายน้ำได้ดี
เมื่อเรามีต้นไอริสพร้อมปลูกแล้ว ให้นำดินปลูก กาบมะพร้าวสับและอินทรียวัตถุ ในอัตราส่วน 1:1:1 มาผสมเข้าด้วยกันและจัดใส่กระถางประมาณครึ่งกระถาง จากนั้นนำต้นที่พร้อมต่อการปลูกลงไปเทดินกลบ และรดน้ำพอชุ่มชื้น ปล่อยให้เขาติดกับดินและเจริญเติบโตต่อไป
การดูแลให้ออกดอกสวยงาม
หากเราเลี้ยงดูต้นไม้สักต้น ก็อยากเห็นดอกผลของเขางอกเงย สำหรับดอกไม้สวย ๆ ชนิดนี้แม้เขาจะเป็นพืชจากเมืองหนาว แต่ก็สามารถปลูกในเมืองไทยและออกดอกได้เช่นกัน แน่นอนว่าปัจจัยสำคัญในการเจริญเติบโตของเขาคือ “แสงแดด” ต้องได้รับแดดรำไรอย่างเพียงพอ อาจวางเขาไว้ในสวนหย่อมหน้าบ้าน ให้พบเจอกับอากาศที่ถ่ายเทสะดวก
การรดน้ำก็สำคัญไม่แพ้กัน อะไรที่มากเกินไปก็ไม่ดี หรือน้อยเกินไปก็ไม่ควร ดังนั้นผู้ปลูกจำเป็นจะต้องมีแผนในการให้น้ำเขาสักหน่อย สักสัปดาห์ละ 2 ครั้ง และต้องระวังอย่าให้แฉะจนเกินไปเพราะอาจจะทำให้รากเน่าได้
ราคาของ iris ในปัจจุบัน
ทุกท่านทราบหรือไม่ว่าดอกไม้สวย ๆ ชนิดนี้เขามีหลากหลายสายพันธุ์ ทั้งแบบหายากและหาได้ทั่วไป ดังนั้นราคาซื้อขายก็จะเริ่มตั้งแต่หลักสิบไปจนถึงหลักพันเลยทีเดียว แนะนำให้ลองไปเดินชมกันที่ตลาดซื้อขายไม้ประดับ หรือจะสำรวจจากแพลตฟอร์มซื้อขายออนไลน์ก็ได้เช่นกัน
เป็นอย่างไรบ้างสำหรับข้อมูลเกี่ยวกับ “ดอกไอริส” ที่เรานำมาฝากทุกท่าน น่าจะได้ทราบกันไปแล้วว่าดอกไม้ดังกล่าวมีที่มาที่ไป ตำนาน ความเชื่อ ความหมาย การขยายพันธุ์และการดูแลอย่างไร เห็นเขาเป็นไม้เมืองหนาวแบบนี้แต่ดูแลง่ายดายมาก ไม่ต้องยุ่งยากหรือกังวลเรื่องการรดน้ำ แถมปลูกเองก็ได้ ปลูกขายยิ่งดี แนะนำสำหรับคนไม่มีเวลา ทำงานหนัก เรียนเยอะ แต่อยากครอบครองต้นไม้สวย ๆ สุดท้ายนี้เราหวังอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อคนรักไม้ดอกนะคะ
