ดอกกระเจียว ไม่ได้มีแค่ที่ชัยภูมิ เพราะไม่ว่าคุณจะเป็นใคร อาศัยอยู่ที่ไหนในประเทศไทย ก็สามารถนำเจ้าต้นไม้ชนิดนี้ไปปลูกเอาไว้รับประทาน หรือเป็นไม้ประดับแต่งสวนได้อย่างแน่นอน เขาเป็นพืชที่ค่อนข้างน่าสนใจในแง่ของสมุนไพร สามารถปลูกขายได้ ถ้าพร้อมแล้วเราไปทำความรู้จักกับพันธุ์ไม้ชนิดนี้กันเลยดีกว่า
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
รู้จักกับ “กระเจียว” ดอกไม้กินได้ มากประโยชน์ น่าปลูกมาก!
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Curcuma sessilis Gage.
ชื่อวงศ์ : Zingiberaceae (วงศ์ขิง)
ชื่อสามัญ : Siam Tulip หรือ Summer Tulip
ชื่ออื่น : กระชายดง (เลย), อาวขาว (เชียงใหม่), ว่านมหาเมฆ เป็นต้น
กระเจียว เป็นพืชล้มลุกในสกุลเดียวกันกับพวกขิง ข่า ขมิ้น ไพล ฯลฯ มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศไทย พบได้ตามป่าทั่วทุกภูมิภาคตั้งแต่เหนือจรดใต้ ทว่ากลับพบมากที่สุดในภาคอีสาน นอกจากนี้ก็ยังสามารถพบได้ตามประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเช่น พม่า ลาว เวียดนาม เขมร มาเลเซีย อีกด้วย นอกจากกระเจียวป่า ปัจจุบันก็ได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ดอกไม้ไทยชนิดนี้ ให้น่าสนใจออกมามากมาย เพื่อให้ตอบโจทย์ตามความต้องการของมนุษย์ยุคใหม่มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะสายพันธุ์เพชรน้ำผึ้งและเพชรสยามที่มีรสชาติหวาน กรอบกว่าปกติจนเป็นที่นิยม
ความเชื่อ
กระเจียวก็เป็นพืชที่มาพร้อมความเชื่อตามแบบฉบับไทยโบราณเช่นกัน แต่มาในทำนองลี้ลับที่ว่า หากนำเหง้าของเขาไปปลุกเสกคาถา จนกระทั่งพระจันทร์มืดมิดในวันจันทรุปราคา เมื่อนำว่านมาทาลงบนผิวกายจะช่วยในการพรางตัว ผู้อื่นมองไม่เห็นเรา ทำให้สิ่งที่หวังสมความปรารถนา แต่หากินว่าเข้าไปก็จะเกิดผลด้านคงกระพันชาตรี
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลำต้น : เจ้าต้นนี้เป็นพืชล้มลุกที่มีลำต้นอยู่ใต้ดินมาในรูปแบบเหง้า ลักษณะเหง้าสีเหลือง เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.5 – 2.5 เซนติเมตรโดยประมาณ แทงลึกลงดินราว ๆ 12 เซนติเมตร หากเก็บไว้นานหลายปีจะมีสีม่วงอมเหลือง มีลำต้นเทียมหรือกาบใบแทงขึ้นเหนือผิวดิน
ใบ : ใบของเขาจะออกมาจากกาบที่ซ้อนกันเป็นชั้น โดยในหนึ่งต้นจะประกอบไปด้วย 4 – 7 ใบรูปยาวรี ขนาดใหญ่ ความยาว 18-60 เซนติเมตร กว้าง 8 – 20 เซนติเมตรโดยประมาณ ปลายใบแหลม เว้าลึกบริเวณเส้นกลางใบสีม่วงแดง ขอบใบเรียบ ผิวเกลี้ยง
ดอก : ดอกกระเจียวถือเป็นไฮไลท์สำคัญของเจ้าต้นนี้เลยล่ะ เขาจะออกดอกเป็นช่อเชิงลดแทงขึ้นมาจากเหง้าถูกกาบใบห่อหุ้มเอาไว้ ดอกใหญ่ทรงกระบอกความยาว 10-20 เซนติเมตร พร้อม 20 กลีบดอกเรียงซ้อนชั้นกัน บริเวณโคนเป็นสีเขียวอ่อน ส่วนปลายเป็นสีชมพูหรือแดงหรือขาว ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ปากกลีบดอกจริงสีเหลืองหรือขาวเท่านั้น หากสีม่วงจะเป็นต้นปทุมมาแทน
ประโยชน์
นอกจากจะปลูกเจ้าดอกไม้สีชมพูชนิดนี้เอาไว้เป็นไม้ประดับสวยงามในครัวเรือนได้แล้ว กระเจียวเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่คนอีสานเขารู้จักกันดีว่าสามารถนำมารับประทานได้ ทั้งลวกเป็นผักจิ้มน้ำพริก กินสดเป็นผักแกล้ม มีรสเผ็ดร้อนและกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ และยังเป็นผักแคลอรีต่ำที่อุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ฟอสฟอรัส เหล็ก แคลเซียม วิตามินบี1 / บี2 และวิตามินเอ มาพร้อมสรรพคุณทางยาอันน่าสนใจ ดังนี้
– ดอกกระเจียว เป็นสมุนไพรพื้นบ้าน ช่วยเรื่องลดกรดในกระเพาะ เหมาะสำหรับคนท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยขับลม
– เหง้า คือส่วนที่มีประโยชน์สูง อุดมไปด้วยสารสำคัญมากมายโดยเฉพาะ Curdione ซึ่งมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียหลายตัว หากนำมาต้มกับน้ำสะอาดดื่มจะช่วยถ่ายพยาธิเส้นด้าย ใช้เป็นยาสมานแผล ต้านเชื้อรา แก้ปวด ฟกช้ำดำเขียว
การขยายพันธุ์
กระเจียวจัดว่าเป็นพืชไร่ชนิดหนึ่ง ที่จะต้องใช้ระยะเวลาในการปลูกนานแรมปี กว่าจะมีดอกออกมาให้ชื่นชมหรือเก็บเพื่อรับประทาน การขยายพันธุ์สามารถทำได้ทั้งวิธีการปลูกเหง้า และขุดกอแยกออกมาลงดิน ส่วนระยะเวลาในการเริ่มปลูกส่วนใหญ่จะทำกันในช่วงเดือนมีนาคม – เมษายนของทุกปี กล่าวคือ ต้องทำในฤดูแล้งเพราะต้นจะค่อย ๆ ติดรากและเติบโต ทันออกผลผลิตช่วงฤดูฝนตั้งแต่เดือนพฤษภาคม – กันยายน เมื่อเก็บเกี่ยวดอกเสร็จสรรพเข้าเดือนตุลาคม เขาก็จะตายลงไป และเกิดขึ้นมาใหม่อีกรอบในช่วงฤดูฝนพรำ หรือจะเรียกอีกอย่างว่าวัฏจักรชีวิตก็ได้เช่นกัน
วิธีการปลูกด้วยเหง้า : ในหนึ่งเหง้าจะมีหลายข้อปล้องมาก ให้หักแต่ละปล้องออกจากกันแล้วขุดหลุมลึก 15 เซนติเมตร ห่างจากต้นอื่นประมาณ 60 – 70 เซนติเมตร บนดินร่วนธรรมดา แล้วหยอดเหง้าลงไปฝังกลบได้เลย
วิธีการปลูกด้วยกอ : เราจะขุดกอของเขาออกมา โดยมีรากพ่วงด้วยเล็กน้อย จากนั้นใช้มีดตัดใบออก ขุดหลุมลึก 15 เซนติเมตร ห่างจากต้นอื่นประมาณ 60 – 70 เซนติเมตรแล้วปลูกลงไปได้เลย ประมาณ 2 เดือนจึงค่อยเพิ่มปุ๋ยคอกลงไป
การดูแล
อย่างที่บอกว่ากระเจียวเป็นพืชไร่ จึงมีชีวิตที่ค่อนข้างสมบุกสมบัน เป็นหนึ่งในดอกไม้ทนแล้ง ที่ไม่ต้องรดน้ำให้มากมายเท่าไรนัก ปล่อยไปตามธรรมชาติจะดีที่สุด ข้อสำคัญคือควรปลูกไว้กลางแจ้ง ตอบรับแสงแดดเต็มวัน และใส่ปุ๋ยคอกมูลหมู มูลไก่ หลังจากปลูกได้ 2 เดือน
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับกระเจียว ที่เราได้ทำการรวบรวมมาฝากทุกคน บอกเลยว่าเจ้าต้นไม้นี้ปลูกง่าย ถ้าเราอยากปลูกเอาไว้กินเองไม่กี่ต้น ก็สามารถปลูกในกระถางได้เช่นกัน ดูแลไม่ยุ่งยาก ปล่อยให้เขาอยู่เองตามธรรมชาติได้เลย สุดท้ายนี้เราหวังว่าสิ่งที่นำมาฝากจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อน ๆ นะคะ
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับต้นไม้นานาพันธุ์ได้ที่ Plantlover.net