กระดุมทองเป็นไม้มงคล ที่มีความหมายถึงความรักที่มั่นคง ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใด หากปลูกเอาไว้ในบริเวณบ้านยังช่วยทำให้มีความรักที่มั่นคงอีกด้วย แถมยังมีประโยชน์อีกมากมาย เป็นต้นไม้ที่ปลูกง่าย สามารถช่วยเพิ่มสีสันให้กับบ้านได้เป็นอย่างดี เป็นต้นไม้ขนาดเล็กที่นิยมปลูกลงในกระถางหรือบริเวณริมรั้วของบ้าน และในบทความนี้ PlantLover ก็ไม่พลาดที่จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับดอกไม้ชนิดนี้ ไปติดตามกันได้เลย
ความเชื่อเกี่ยวกับกระดุมทอง
ในสมัยสุโขทัยได้มีหญิงสาวที่แอบรักทหารในวัง ซึ่งความรักของหญิงสาวในครั้งนี้เป็นไปไม่ได้ หญิงสาวจึงได้ปลูกต้นชนิดนี้ไว้รอบวัง และดูแลทุกวันเป็นอย่างดี พร้อมทั้งขอพรให้สมหวังในความรัก เมื่อต้นกระดุมทองถูกเลี้ยงอย่างดีทำให้มันเลื้อยไปรอบวัง จนกษัตริย์เห็นเข้าจึงได้เชิญให้หญิงสาวเข้ามาเป็นผู้ดูแลต้นไม้ต่าง ๆ ภายในวัง ทำให้หญิงสาวและทหารหนุ่มคนนั้นได้ครองรักกัน ทำให้เชื่อว่าการปลูกดอกไม้ชนิดนี้จะทำให้สมหวังในความรักนั่นเอง
ควรปลูกบริเวณใดของบ้าน
ต้นกระดุมทองเป็นต้นไม้ขนาดเล็กที่นิยมปลูกในกระถาง และบริเวณรอบบ้านติดกับรั้วดูสวยงาม ยิ่งถ้าใครได้ปลูกเอาไว้ในบ้านหรือที่อยู่อาศัย ก็มีความเชื่อว่าจะทำให้มีความรักที่มั่นคงและยืนยาว อย่างที่คนในสมัยโบราณได้เชื่อและกล่าวไว้มาเนิ่นนาน
วิธีการปลูกมี 2 แบบ ได้แก่
1. การนำรากมาตัดเป็นส่วน ๆ ให้มีความยาวประมาณ 2-4 นิ้ว แล้วนำไปปักชำลงในหลุมดินหรือกระถาง เพื่อให้ส่วนของรากงอกและแตกยอดอ่อนออกมาเป็นลำต้นและเจริญเติบโตต่อไป
2. การเพาะเมล็ด โดยการกลบเมล็ดเบา ๆ ในกระถาง พร้อมกับน้ำกระถางไปวางไว้ในที่ที่มีแสงแดดรำไรประมาณ 7-10 วัน
วิธีการดูแล
1. ต้นกระดุมทองชอบแสงแดด จึงต้องปลูกในบริเวณที่โดนแสงแดดตลอดทั้งวัน หรือโดนแดดจัดในช่วงครึ่งวันเช้าก็ได้เช่นกัน
2. เป็นต้นไม้ที่ชอบน้ำค่อนข้างมาก ทำให้จะต้องปลูกที่ที่สามารถระบายน้ำได้ดี และต้องรดน้ำประมาณ 2-3 ครั้งต่อวัน
3. เป็นต้นไม้ที่สามารถอยู่ได้ในทุกสภาพแวดล้อม นิยมปลูกด้วยดินร่วนผสมทราย
4. สามารถใช้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือสูตรเสมอทดแทนได้ทุกระยะ แต่การเจริญเติบโตอาจไม่ดีเท่าสูตรที่แนะนำ
ประโยชน์และสรรพคุณอื่น ๆ
1. นิยมปลูกเป็นไม้ประดับอาคารและสวนหย่อม ปลูกลงกระถางหรือปลูกลงแปลงประดับสวนก็ได้เช่นกัน
2. ปลูกคลุมดินที่ลาดเอียงหรือริมสระน้ำธรรมชาติ เพื่อป้องกันการพังทลายของดิน
3. สามารถช่วยรักษาโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และความดันได้
4. การลดระดับน้ำตาลในเลือดโดยเฉพาะ เห็นผลได้จากการวัดระดับน้ำตาลในเลือด โดยหั่นตากแห้ง ต้มกับน้ำให้เดือดนานประมาณ ๓-๔ นาที จนน้ำมีสีเหลืองอ่อน ๆ กรองน้ำชาใส่ขวดทิ้งให้เย็น แล้วแช่ตู้เย็นไว้ดื่มแทนน้ำ
