หากกล่าวถึงกระบองเพชร หลายคนคงมองว่าเขาเป็นเพียงไม้ประดับเพื่อความสวยงาม ความจริงแล้วกระบองเพชรกินได้นะ แต่บางสายพันธุ์เท่านั้นที่สามารถนำมาทานได้ ซึ่งก็จะแบ่งออกเป็นแบบผักและผลไม้ หากเพื่อน ๆ กำลังอยากรู้จักกับแคคตัสเหล่านี้ เรามี 7 สายพันธุ์น่าปลูกมาแนะนำ ถ้าพร้อมแล้วตามมาดูกันเลยดีกว่า
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
แนะนำ 7 กระบองเพชรกินได้ แคคตัสกินได้ สายพันธุ์ไหนดี?
1.โอพันเทีย (Opuntia)
โอพันเทีย หรือกระบองเพชรหูมิกกี้เมาส์ที่เรารู้จักกันนั้นมี่ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Opuntia microdasys (Lehm.) Lehm. Ex Pfeiff. เป็นหนึ่งในกระบองเพชรกินได้ ที่มีหลากหลายสายพันธุ์มาก ๆ ทุกคนอาจยังไม่ทราบว่าเขาเป็นพืชเศรษฐกิจที่เกษตรกรปลูกเพื่อนำผลออกจำหน่าย ซึ่งผลของแต่ละสายพันธุ์ก็จะมีรสชาติแตกต่างกันออกไปอีก ยกตัวอย่างเช่นผลจากพันธุ์ Opuntia Stricta สีแดงอมม่วง จะมีรสเปรี้ยวอมหวาน ทานแล้วสดชื่น นอกจากนี้โอพันเทียก็ยังเป็นกระบองเพชร มงคลที่ช่วยส่งเสริมเรื่องหน้าที่การงานด้วยนะ ปลูกไว้แล้วดีแน่นอน
บทความฉบับเต็ม โอพันเทีย
2.จามาคารู
สำหรับจามาคารูก็เป็นกระบองเพชรกินได้ที่มีหลากหลายสายพันธุ์เช่นกัน โดยหลักแล้วจะแบ่งออกได้สองประเภทใหญ่ ๆ นั่นก็คือพันธุ์หนามยาว (Cereus jamacaru) และพันธุ์หนามกุด (Cereus hildmannianus) ซึ่งทั้งสองต่างก็อยู่ในสกุลซีรีอุสเช่นเดียวกัน ลักษณะลำต้นเหมือนกระบอง ใหญ่ยักษ์ พุ่งขึ้นสูง เป็นกระบองเพชรกินผลซึ่งผลของเขาจะมีสีแดง หน้าตาคล้ายลูกแก้วมังกร แต่เนื้อด้านในหยาบเป็นทราย มีเมล็ดสีดำด้านในเนื้อสีขาวจำนวนมาก รสชาติหวาน กลิ่นหอมชวนดม
บทความฉบับเต็ม จามาคารู
3.ถังทอง (Barrel Cactus)
มาต่อกันด้วยอีกหนึ่งสายพันธุ์ กระบองเพชรที่ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะเป็นกระบองเพชรกินได้ เนื่องจากน้องถังทองนั้น ถูกใช้ในเชิงของไม้ประดับเสียมากกว่า รูปร่างหน้าตาน่ารักเกินใคร ต้นอ้วนกลม มีหนามแหลมคม แอบคล้ายสับปะรดเล็กน้อย ส่วนใหญ่ต่างประเทศนิยมทานโดยใช้ต้นของเขาไปแปรรูปเป็นแยมหรืออื่น ๆ มีรสชาติเปรี้ยวอ่อน ส่วนเมล็ดก็สามารถนำไปอบแห้งเพื่อรับประทานได้เช่นกัน บอกเลยว่าอร่อยกว่าที่คิดแน่นอน
4.ซากัวโร (Saguaro)
สำหรับซากัวโร มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Carnegiea gigantea เขาคือกระบองเพชรกินได้ขนาดยักษ์ใหญ่ ที่พบได้ไปในทวีปอเมริกา โดยเฉพาะแถบที่มีทะเลทราย อาจปลูกในไทยได้ยากหน่อย ส่วนลักษณะต้นสูง แตกกิ่งก้านเป็นช่อเชิงเทียน ดอกของเขาเป็นน้ำหวานชั้นดีของบรรดาผึ้ง หากมีแมลงช่วยผสมเกสรจะออกผลสีแดงสด เนื้อในหวาน หอม อร่อย สามารถทานได้ทั้งแบบผลสดและอื่น ๆ
5.ตอบลู (Blue Myrtle-Cactus)
Blue Myrtle-Cactus หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า “ตอบลู” เจ้าต้นนี้มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Myrtillocactus geometrizans เป็นหนึ่งในตะบองเพชรกินได้ที่เลี้ยงง่ายมาก ๆ มีอายุหลายปี ลำต้นสีเขียวอมฟ้า โดดเด่นด้วยลำต้นเป็นสันพูซึ่งมีตั้งแต่ 5 – 6 พู หากโตขึ้นจะแตกกิ่งก้านสาขาขนาดเล็กออกไปเรื่อยจนสูงใหญ่ และเมื่อถูกผสมเกสรก็จะออกผลสีฟ้าแบบบลูเบอรี่ขนาดเล็กมากมาย มีเนื้อด้านในรสหวาน อร่อย ในอดีตเคยได้รับความนิยมอย่างล้นหลาน
6.จิมโนคาไลเซียม (Gymnocalycium หรือ Moon cactus)
เจ้าจิมโนคาไลเซียม เป็นหนึ่งในกระบองเพชรกินได้เช่นกัน แม้ว่ารูปร่างหน้าตาของเขาจะน่ารัก น่าเลี้ยงดูเสียมากกว่า ลักษณะต้นของเขาจะมีความคล้ายกับถังทองอยู่บ้าง แต่ต้นสูงกว่าเล็กน้อย และไม่ค่อยมีหนาม หรืออาจไม่มีหนามเลยก็ได้ในบางสายพันธุ์ เพื่อน ๆ หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าเจ้าต้นนี้สามารถออกผลได้ด้วย เมื่อได้รับการผสมเกสรทั้งจากผึ้ง แมลง หรือแม้กระทั่งมนุษย์ ผลของเขามีรูปไข่กระสวย หากสุกจะเป็นสีแดง ส้ม หรือชมพู พบเมล็ดสีดำด้านในจำนวนมาก นอกจากจะเป็นกระบองเพชร ความหมายดี ๆ แล้วก็ยังอร่อยด้วยนะ
7.แก้วมังกร (Dragon Fruit, Pitaya)
ส่งท้ายกันด้วย ผลไม้ลดน้ำหนักยอดฮิตที่คนไทยรู้จักกันมาอย่างยาวนาน แต่หลายคนไม่รู้ว่าเจ้าแก้วมังกรนั้นเป็นหนึ่งในตระกูลกระบองเพชรกินได้ ลักษณะต้นของเขาก็จะคล้ายกับแคคตัสสายพันธุ์อื่นซึ่งเป็นต้นอวบน้ำ แต่สามารถเลื้อยไปตามรั้วหรือเกาะกับอุปกรณ์อื่น ๆ แถมยังปลูกง่าย ไม่ต้องดูแลยาก ให้ผลผลิตดี ใช้น้ำน้อย จัดว่าเป็นพืชเศรษฐกิจที่น่าสนใจมาก ๆ เลยใช่ไหมล่ะ
บทความฉบับเต็ม แก้วมังกร
กระบองเพชร กินยังไง ?
เมื่อเพื่อน ๆ ทราบแล้วว่ามีแคคตัสสายพันธุ์ไหนสามารถนำมารับประทานได้บ้าง ก็ต้องรู้ถึงวิธีการทานอย่างถูกต้องด้วย ส่วนมากหากเป็นต้นที่ออกผลก็จะกินเนื้อด้านในผลของเขา ส่วนดอกกระบองเพชรหากเด็ดมาลวกจิ้มน้ำพริกทานก็อร่อยไม่เบา เนื้อสัมผัสลื่น คล้ายกับผักปัง หรือถ้าอยากรู้สึกแปลกใหม่หน่อย แพดของโอพันเทียก็สามารถตัดมาประกอบอาหารได้ อาทิเช่นกระบองเพชรชุบแป้งทอด รับรองว่าจะติดใจ
และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวเกี่ยวกับกระบองเพชรกินได้ ที่เราอยากนำมาฝากเพื่อน ๆ เป็นอย่างไรกันบ้างคะทั้ง 7 สายพันธุ์นี้น่าสนใจมากเลยใช่ไหม ถ้าบ้านใครปลูกเจ้าต้นเหล่านี้อยู่หลายปีแล้วแต่ยังไม่เห็นออกผลสักที แนะนำให้เอาเกสรของพืชในสกุลเดียวกันมาผสมดู สักพักก็จะมีเจ้าลกน้อยออกมาให้เราได้ชื่นชมและลองชิม แต่ถ้าไปซื้อตามสวนราคาก็จะแพงหน่อยนะบอกเลย บางลูกอาจถึง 2 พันบาทเชียวล่ะ สุดท้ายนี้เราหวังอย่างยิ่งว่าเกร็ดความรู้ดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนนะคะ
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับต้นไม้และพืชผักได้ที่ Plantlover.net