ผักเกล็ดหิมะ อาจยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากนัก แต่หากใครได้ลองทานบอกเลยว่าต้องติดใจอย่างแน่นอน เขาเป็นพืชเมืองหนาวที่จะต้องปลูกในอุณหภูมิต่ำ ซึ่งเมื่อหันมามองสภาพอากาศบ้านเราก็มีผู้ถอดใจในการปลูกเจ้าต้นนี้ไปหลายราย แถมยังหาซื้อทานยาก แต่ประโยชน์กลับมีมากมาย หากเพื่อน ๆ สนใจ เรามาทำความรู้จักกับเจ้าต้นนี้ไปพร้อมกันเลยดีกว่า
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
รู้จักกับผักเกล็ดหิมะ Crystal Ice Plant ผักนี้น่าสนใจอย่างไร?
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Mesembryanthemum crystallinum L.
ชื่อวงศ์ : Aizoaceae (วงศ์ผักเบี้ยทะเล)
ชื่อภาษาอังกฤษ : Crystal Ice Plant
ชื่ออื่น : พืชน้ำแข็ง
ผักเกล็ดหิมะ เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดมาจากทางแอฟริกาใต้ แถบทะเลทรายนามิบ คาบสมุทรไซนาย(อียิปต์) และยุโรปตอนใต้ ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีผู้ปลูกเจอเจ้าต้นนี้ปะปนมากับทราย จึงนำมาปลูกเพื่อทำเป็นไม้ประดับ จนกระทั่งกลายเป็นผักเพื่อรับประทานได้ในที่สุด
ในเรื่องรสชาติและสัมผัสของเขาสิ่งที่นำโด่งมาเลยก็คงเป็นความกรอบเหนือสิ่งอื่นใดเนื่องจากน้องเป็นผักอวบน้ำ ฉ่ำ แต่เป็นผักที่ไม่มีกลิ่นเหม็นเขียวเลยสักนิด กินง่าย รสเปรี้ยวอมเค็มหน่อย เป็นผักใบเขียวที่กินแล้วสดชื่นมาก ๆ เลยล่ะ
นำมาทำอาหารได้หลากหลายเมนูทั้งแบบไทยและต่างประเทศ ไม่ว่าจะใส่กับพาสต้า ทานเป็นผักสลัด หรือเมนูจิ้มน้ำพริกก็อร่อย หรือจะนำไปทานคู่กับส้มตำแบบสาหร่ายพวงองุ่นก็ได้เช่นกัน
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลำต้นของเจ้าผักเกล็ดหิมะมีลักษณะเป็นพุ่มเตี้ย โดยจะมีความสูงตั้งแต่ 8-14 เซนติเมตร ต้นอวบน้ำ เนื้อผักค่อนข้างหนา บริเวณใบเต็มไปด้วยเกล็ดสีใสเล็กน้อยมากมายคล้ายกับเกล็ดน้ำแข็งเกาะอยู่ ประหนึ่งว่าเรานำผักไปแช่ช่องฟรีซแล้วนำออกมาใหม่ ๆ เลยล่ะ เป็นผักแปลก ๆ ที่หลายคนอยากทำความรู้จักกันด้วยใช่ไหมล่ะ
คุณค่าทางโภชนาการ
เจ้าสิ่งนี่เป็นผักที่มีประโยชน์ และคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าผักใบเขียวหลากหลายชนิด ซึ่งถือว่าเป็นผักที่มีแคลเซียมสูง โพแทสเซียม เบต้าแคโรทีน วิตามินเอ วิตามินเค วิตามินซี วิตามินบี1, บี2, บี6 และบี9
หากกินผักเกล็ดหิมะเข้าไปก็จะช่วยในเรื่องความแข็งแรงของกระดูก ป้องกันรังสี UV ป้องกันโรคหัวใจ ต้านเบาหวาน เร่งการเผาผลาญ พร้อมบำรุงสายตา ต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี บอกเลยว่ามีประโยชน์เกินคาดคิด
วิธีขยายพันธุ์ / ปลูก
เพื่อน ๆ ทราบหรือไม่ว่าเจ้าผักเกล็ดหิมะนี้ นอกจากจะมีรูปร่างหน้าตาเหมือนมีน้ำแข็งเกาะอยู่ตลอดเวลาแล้ว เขาก็ยังชื่นชอบอากาศเย็นอีกต่างหาก หากปลูกอยู่ที่อุณหภูมิราว ๆ 10-18 องศาจะดีอย่างมาก เจริญเติบโตรวดเร็ว นอกจากนี้ยังเป็นผักเมืองหนาวที่เหมาะกับพื้นที่สูงอย่างภูเขา ส่วนใหญ่แล้วก็จะปลูกเอาไว้ตามดอย ป่าเขา ทางภาคเหนือของประเทศไทย ซึ่งก็ยังมีจำนวนน้อยมาก ๆ ดังนั้นจึงเป็นผักที่หาทานได้ค่อนข้างยากเนื่องจากความยากในการปลูกนั่นเอง สำหรับคนที่อยากปลูกก็พอจะมีวิธีการอยู่บ้าง ดังต่อไปนี้
อุปกรณ์เตรียมปลูก
– เมล็ดผักเกล็ดหิมะ
– ถาดเพาะเมล็ด
– ดินปลูก (สามารถใช้ดินที่เค็มได้เนื่องจากเจ้าผักชนิดนี้ทนเค็มได้ดีเป็นพิเศษ)
– กระถาง
– ห้องปรับอากาศ
วิธีการปลูกผัก
1.นำดินปลูกที่ชุ่มชื้นมาใส่ลงในถาดเพาะเมล็ด
2.จากนั้นนำเมล็ดเจ้าผักนี้โรยลงไป หรือจะตั้งใจวางก็ได้เช่นกัน
3.จากนั้นโรยดินกลบเล็กน้อยพอบาง ๆ
4.รดน้ำและรอให้กล้างอกออกมาโดยควบคุมอุณหภูมิและเอาไว้ในที่ที่มีแสงแดด
5.เมื่อใบเริ่มงอกประมาณ 2-3 ใบ ให้นำกล้าลงไปปลูกในภาชนะอื่นอย่างเช่น กระถาง และที่สำคัญจะต้องใช้ฟางคลุมหน้าดินเอาไว้
6.ระยะเวลาเก็บเกี่ยวผักเกล็ดหิมะจะอยู่ที่ราว ๆ 80-90 วัน แล้วแต่ความสะดวก แต่ถ้าหากเป็นช่วงฤดูฝน ผักก็อาจจะโตช้าหน่อยเนื่องจากปัจจัยในเรื่องอากาศ ความชื้น
ข้อแนะนำในการปลูก
ทั้งนี้หากปลูกผักใน Plant factory ก็จะช่วยให้เขาเติบโตอย่างมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ไม่ง้อฤดูกาล แถมยังมีวงจรการจำลองควบคุมอุณหภูมิ น้ำ และแสงให้เข้ากับสภาพอากาศดั้งเดิมของผัก ซึ่งหากเพื่อน ๆ อยากทำการตลาด ปลูกผักขายอย่างจริงจังก็นับว่าเป็นหนึ่งในการลงทุนที่น่าสนใจ สามารถจำหน่ายในราคาที่แพงขึ้นได้ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านสุขภาพ ซึ่งเจ้าผักเกล็ดหิมะนั้นก็ค่อนข้างชื่นชอบแสงแดด ไม่ชอบน้ำมาก แต่หากปลูกผักแบบไร้ดินก็ไม่เป็นไร ที่สำคัญต้องหมั่นรักษาอุณหภูมิด้วยเครื่องปรับอากาศอย่าให้ขาดตกบกพร่อง
แนะนำเมนูน่าสนใจ
สลัดน้ำมันงา – สำหรับเพื่อน ๆ ที่ชื่นชอบการทานผักในยามเย็นเพื่อสุขภาพ ก็สามารถนำเมนูนี้ไปลองปรับตามสูตรของแต่ละบ้านได้เลย
เทมปุระ – หากนำเจ้าผักนี้ไปทอดกรอบ ก็จะได้สัมผัสที่แตกต่างออกไปจากเดิม มีความกรอบแป้ง มันและเค็ม อร่อยเกินห้ามใจ
และนี่ก็คือเรื่องราวเกี่ยวกับ ผักเกล็ดหิมะ แสนอร่อย ขึ้นชื่อเรื่องการปลูกยากเป็นอันดับหนึ่งสำหรับประเทศไทย ไม่เหมือนกับบรรดาผักสลัดต่าง ๆ ที่ถึงแม้ว่าเขาจะชอบอากาศหนาวแต่ก็ยังสามารถทนความร้อนได้ดี ใครอยากปลูกอาจจะต้องทดลอง ศึกษาจากจำนวนน้อยและมีพื้นที่ที่เหมาะสมให้เขาก่อน เนื่องจากมีโอกาสสำเร็จน้อยมาก สุดท้ายนี้เราหวังอย่างยิ่งว่าทั้งหมดนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนนะคะ
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับต้นไม้และพืชผักได้ที่ Plantlover.net