ฟิโลเดนดรอน ก้านส้ม ไม้ใบ ก้านสวย พร้อมเคล็ดลับการดูแล!!

ฟิโลเดนดรอน ก้านส้ม เคยเป็นหนึ่งในต้นไม้ประดับที่ราคาแพงอย่างยิ่ง แต่ปัจจุบันค่าตัวของเขาก็เริ่มน่ารักมากแล้วล่ะ แต่หากเป็นฟิโลก้านส้มด่าง ราคาก็จะยังคงแพงหูฉี่อยู่เช่นเดิม เจ้าต้นนี้เลี้ยงดูไม่ยาก แข็งแรงกว่าฟิโลเดนดรอนสายพันธุ์อื่น ใครกำลังตามหาเคล็ดลับ วิธีในการเลี้ยงดูให้สวยงาม บอกเลยว่าห้ามพลาดเด็ดขาด! 

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่

รู้จักกับ “ฟิโลเดนดรอน ก้านส้ม” ไม้ประดับ ใบสวย ใครอยากปลูกต้องอ่าน!

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Philodendron billietiae 

ชื่อวงศ์ : Araceae (วงศ์บอน) 

ชื่อสามัญ : Emerald Vine Philodendron 

ฟิโลเดนดรอน ก้านส้ม หรือที่เราเรียกกันอย่างสั้น ๆ ว่า “ฟิโลก้านส้ม” เป็นไม้กึ่งอิงอาศัย ถูกพบครั้งแรกที่ป่าฝนเขตร้อนบริเวณเฟรนช์เกียนา ประเทศฝรั่งเศส ในปี ค.ศ.1981 โดย Frieda Billiet เห็นว่าฟิโลฯ ต้นดังกล่าวแทรกตัวขั้นมาจากโขดหิน นอกจากนี้ก็ยังปรากฏอีกว่าถิ่นกำเนิดของเขามาจากทางทวีปแอฟริกากลางไปจนถึงแอฟริกาใต้ เป็นเขตที่ค่อนข้างร้อน จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงสามารถนำเข้ามาปลูกในสภาพอากาศเมืองแบบไทยได้เป็นอย่างดี

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

ลำต้น : ลำต้นของเขามีลักษณะกลม มีข้อ และรากอากาศขึ้นอยู่เพื่อประโยชน์ในการยึดเกาะและหาอาหาร ตามแบบฉบับไม้อิงอาศัย มีก้านที่ค่อนข้างแข็งงอกขึ้นจากลำต้น ผิวเปลือกต้นสีส้ม ไปจนถึงสีน้ำตาล

ใบ : ฟิโลเดนดรอน ก้านส้ม มีความโดดเด่นอยู่ที่ก้านใบ ซึ่งมีสีส้มสวยงาม ก้านค่อนข้างแข็ง ขนาดสูงและยาว ใบรูปหัวใจขนาดใหญ่ มีสองหู ใบตั้ง ปลายใบแหลม เส้นกลางใบสีส้มอ่อน ใบสีเขียวอ่อนเป็นมัน ขอบใบหยักเป็นคลื่นเล็กน้อย หรือในกรณีฟิโลก้านส้มใบด่างก็อาจจะมีรอยด่างขาว หลากสีสันที่แตกต่างกันออกไป อาจมีขนาดใหญ่ได้มากที่สุดถึง 1 เมตรเลยทีเดียว

ประโยชน์ที่น่าสนใจ

1.ปลูกเอาไว้เพื่อเป็นไม้ประดับ มีคุณค่าทางจิตใจ ดูเล่นสวยงาม

2.เป็นไม้ฟอกอากาศในบ้าน ดูดซับฝุ่นและมลพิษ สามารถปลูกเอาไว้ในบ้านได้ 

การขยายพันธุ์

ฟิโลก้านส้ม ขยายพันธุ์ง่าย ไม่ยุ่งยาก คล้ายกับไม้ในตระกูลบอนอื่น ๆ สามารถทำได้โดยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ แต่จะนิยมปักชำเสียมากกว่า เนื่องจากเป็นวิธีการที่รวดเร็ว เห็นผลไว ถ้าพร้อมแล้วมาเรียนรู้วิธีการขยายพันธุ์เขาไปพร้อมกันเลยดีกว่า

อุปกรณ์ที่ต้องใช้

1.ฟิโลเดนดรอน ก้านส้ม ต้นแม่

2.คัดเตอร์

3.ปูนแดง

4.กาบมะพร้าวสับ 1 ส่วน

5.มูลไส้เดือน 1/3 ส่วน

6.กระถางเพาะชำขนาด 6 – 8 นิ้ว

7.ถุงขนาดใหญ่สำหรับอบต้นไม้

8.เชือกสำหรับมัดปากถุง

ขั้นตอนวิธีการเพาะชำ ฟิโลเดนดรอน ก้านส้ม

1.ให้เรานำกระถางต้นแม่มาสำรวจแล้วตัดทั้งต้นของเขาออกมา โดยจะใช้คัดเตอร์ตัดที่บริเวณใต้ข้อ ให้เหลือต้นแม่ไว้ประมาณ 2 ข้อก็เพียงพอ 

2.จากนั้นใช้ปูนแดงทาแผลของต้นแม่ 

3.นำขุยมะพร้าวที่แช่น้ำทิ้งเอาไว้ 1 คืนมาผสมคลุกเคล้าให้เข้ากันกับปุ๋ยมูลไส้เดือน เพื่อเป็นวัสดุปลูก 

4.จากนั้นก็มาต่อกันในขั้นตอนของการตัดข้อต้นฟิโลเดนดรอน ก้านส้ม ซึ่งจะได้ออกมาค่อนข้างหลายข้อเลยทีเดียว

5.เสร็จสรรพทิ้งเอาไว้สักพัก หันมาใช้วัสดุปลูกโรยก้นกระถาง

6.นำข้อของเขามาวางลงบนวัสดุปลูก จากนั้นก็กลบด้วยวัสดุปลูกอีกครั้งโดยไม่ต้องให้เต็มกระถาง เมื่อรดน้ำจะได้ไม่เลอะพื้น

7.ขั้นต่อมาให้เรานำแต่ละกระถางที่ชำไปบรรจุลงในถุง แล้วมัดปิดปากถุงเพื่ออบให้รากและยอดของเขางอกออกมา เมื่อรากเดินเต็มกระถางแล้วจึงค่อยย้ายออกไปปลูกยังบริเวณที่เราต้องการ

การปลูก / ดูแล

อย่างที่บอกไปแล้วว่าเขาคือต้นไม้แบบกึ่งอิงอาศัย เราสามารถปลูกเป็นไม้พุ่มทรงสวยงามหรือจะปลูกให้เป็นไม้เลื้อยไปเลยก็ได้เช่นกัน ทั้งนี้การปลูกก็ไม่จำเป็นต้องใช้ดิน ขอเพียงแค่มีวัสดุอย่างเช่นอินทรียวัตถุ และกาบมะพร้าวหรืออื่น ๆ ที่สามารถเก็บความชื้นเอาไว้ได้เป็นอันใช้ได้หากปลูกเป็นไม้กระถาง แต่ถ้าต้องการปลูกกับพื้น แนะนำหาบริเวณที่เป็นดินร่วน เติมปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอกลงไปเพื่อบำรุงอีกทางจะช่วยได้เยอะเลย

แต่ที่ต้องคำนึงถึงก็คือแสงแดด เพราะเขาชื่นชอบพื้นที่ร่มรำไร มีแสง แต่ไม่โดนแดดโดยตรง ถ้าใครปลูกเป็นต้นไม้แต่งบ้าน อาคารหรือห้อง อาจจะต้องระวังอย่าให้ฟิโลเดนดรอน ก้านส้มอยู่ในร่มมากจนเกินไป ใบของเขาจะเริ่มเขียวแก่มากยิ่งขึ้น ส่วนก้านก็จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ถ้าเพื่อน ๆ เจอเหตุการณ์ทำนองนี้ให้กระเถิบออกมาไว้บริเวณใกล้กับหน้าต่างมากยิ่งขึ้น ส่วนเรื่องน้ำเขาเป็นฟิโลฯ สายพันธุ์ที่ชอบความชื้นสูง แต่รดน้ำวันละ 1 ครั้งก็พอ พยายามหาถาดมารองกระถางเอาไว้จะช่วยกักเก็บความชื้นเอาไว้ได้เป็นอย่างดี อย่าลืมบำรุงด้วยปุ๋ยละลายช้าประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ทุก 3 – 6 เดือน ตามที่สลากบอกไว้

และทั้งหมดนี้ก็คือสาระ ความรู้ เกี่ยวกับ “ฟิโลเดนดรอน ก้านส้ม” ที่เราได้ทำการรวบรวมมาให้เพื่อน ๆ ได้ทำความรู้จัก เจ้าต้นนี้สวยงาม แข็งแรง หากเลี้ยงเอาไว้นานจะใบใหญ่ สวยชวนมอง น่าเอ็นดู ใครอยากปลูกก็สามารถนำวิธีการดูแลและขยายพันธุ์ตามแนวทางนี้ไปปรับใช้กันได้เลย สุดท้ายนี้เราหวังอย่างยิ่งว่าสิ่งที่นำมาฝากจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนนะคะ

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับต้นไม้และพืชผักได้ที่ Plantlover.net