ว่านลูกไก่ทอง เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในว่านยอดฮิตที่หลายคนเลือกมีติดบ้านเอาไว้ เพื่อความสบายใจ เป็นมงคลในหลายเรื่อง แถมปลูก ขยายพันธุ์ ดูแลง่ายเกินคาดคิด หากคุณคือคนหนึ่งที่กำลังสนใจอยากลองปลูกว่านชนิดนี้ บอกเลยเรามีเคล็ดลับดี ๆ มาฝาก ถ้าพร้อมแล้วไปทำความรู้จักกับต้นไม้สวยงามชนิดนี้ให้มากยิ่งขึ้นกันเลยดีกว่า
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
รู้จักกับ “ว่านลูกไก่ทอง” ไม้มงคล เสริมดวงโชคลาภ เงินทอง!
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cibotium barometz (L.) J.Sm.
ชื่อวงศ์ : Dicksoniaceae (วงศ์ว่านลูกไก่)
ชื่อสามัญ : Golden Moss, Chain Fern
ชื่ออื่น : ว่านไก่น้อย, ขนไก่น้อย, เฟินลูกไก่, เฟิร์นลูกไก่ทอง, หัสแดง, นิลโพสี, กูดเสือ, กูดผีป่า, กูดพาน เป็นต้น
ว่านลูกไก่ทอง เป็นไม้จำพวกเฟินอันมีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศแถบเอเชีย อย่างเช่นจีน มาเลเซีย และอินเดียก่อนขยายพันธุ์ไปทั่วทุกภูมิภาค ในประเทศไทยจะพบเห็นได้มากที่สุดตามพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออก รวมถึงภาคใต้ซึ่งเขาจะกระจายตัวอยู่บริเวณพื้นที่ชื้นแฉะ โดยเฉพาะช่วงเชิงเขาสูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 800 – 1,500 เมตร สำหรับคนที่อยากปลูกเจ้าลูกไก่สุดน่ารักเอาไว้เป็นไม้ประดับ ไม้มงคล บอกเลยว่าปลูกง่ายมาก
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ลำต้น : ว่านลูกไก่ทอง จัดเป็นไม้จำพวกเฟินที่มีลำต้นสูงตั้งแต่ 2.5 – 3 เมตรโดยประมาณ บริเวณเหง้าเนื้อแข็งคล้ายกับไม้ โดดเด่นด้วยขนยาวสีเหลืองทอง มันวาวราวกับขนลูกเจี๊ยบที่ขดตัวอยู่ จะออกใบจำนวนมากบริเวณเหง้า
ใบ : ในส่วนใบของเขานั้นจะออกก้านมาจากเหง้า ผิวสีเทาค่อนข้างแข็งแรง ซึ่งช่วงโคนของเขาจะมีขนปกคลุมอยู่ ออกมาเป็นใบประกอบแบบขนนกถึง 3 ทอดด้วยกัน ด้านล่างใบมีสีเทาคล้ายกับแป้งสีน้ำตาลเคลือบอยู่ มองแล้วสวยงามมาก
ความเชื่อ
ว่ากันว่าเจ้าว่านลูกไก่ทองนั้นคือไม้มงคลหายาก มีความศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องโชคลาภ หากปลูกไว้ในอาณาบริเวณบ้านเขาจะช่วยคุ้มภัย ภยันตรายไม่มาใกล้เคียง ยิ่งถ้าได้ปลูกเจ้าต้นนี้เอาไว้ให้เขาเจริญเติบโตงอกงาม ถ้าคืนไหนได้ยินเสียงไก่ร้องดังจิ๊บ ๆ หรือกุ๊ก ๆ เชื่อว่าบ้านนั้นจะมีโชคลาภเข้ามาอย่างมากมาย มหาศาล แต่ถ้าใครปลูกเอาไว้แล้วเดินข้าม หรือปัสสาวะรด หรือล้างมือใส่ จะทำให้ต้นไม้เสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ลง
การขยายพันธุ์
ส่วนใหญ่แล้ว เรามักจะขยายพันธุ์เจ้าว่านลูกไก่ทองนี้โดยการแยกหน่อ ซึ่งสามารถทำได้ไม่ยุ่งยาก แม้กระทั่งมือใหม่หักปลูกก็สามารถทำการแยกหน่อเพื่อกระจายพันธุ์ได้ ถ้าทำตามคำแนะนำต่อไปนี้
อุปกรณ์ที่ต้องใช้
– ดินร่วน 1 ส่วน
– ขุยมะพร้าว 2 ส่วน
– กาบมะพร้าวหั่นเต๋า 1 ส่วน
– ดินปลูกที่ผสมมูลไส้เดือน 1 ส่วน
– กอว่านลูกไก่ทองที่แยกออกมา 1 กอ
– กระถางดินเผา เนื่องจากจะช่วยในเรื่องความเย็นได้มากกว่า ถ้าไม่มีก็สามารถใช้กระถางอย่างอื่นแทนได้
ขั้นตอนวิธีการแยกหน่อ
1.อันดับแรกให้เราทำการคลุกเคล้าผสมดินร่วน, ขุยมะพร้าว, กาบมะพร้าวหั่นเต๋า และดินปลูกผสมมูลไส้เดือนตามสัดส่วนด้านบนเข้าด้วยกัน
2.จากนั้นให้นำกาบมะพร้าวหั่นเต๋าในส่วนที่เหลือมาโรยเป็นฐานล่างลงในกระถางดินเผาก่อนเพื่อรองก้น
3.จากนั้นนำดินปลูกที่เราผสมกันไว้เสร็จสรรพมาลงในกระถางจนเต็ม
4.ขุดหลุมเล็กน้อยเพื่อนำหน่อของเขาลงไปแล้วกลบดิน จากนั้นใช้ขุยมะพร้าวส่วนหนึ่งโรยคลุมหน้าดินในกระถางเพื่อเพิ่มความเย็นให้แก่กอไม้ จึงค่อยรดน้ำแล้ววางต้นเขาเอาไว้ในที่ร่ม เมื่อต้นติดรากแล้วค่อยย้ายออกไปไว้ยังพื้นที่ที่เราต้องการจัดวางไม้ประดับ แต่งสวน
การดูแลรักษา
ดิน : ในเรื่องดินเพื่อน ๆ สามารถใช้ดินในแบบที่เราแนะนำได้เลย ว่านลูกไก่ทองจะค่อนข้างชื่นชอบดินเปรี้ยว ที่กักเก็บความชื้นได้สูง ซึ่งการโรยขุยมะพร้าวบนหน้าดินแบบที่เราแนะนำสามารถช่วยได้ กรณีถ้าโรยหินที่หน้าดินแบบตามร้านขายต้นไม้ ก็อาจจะทำให้ใบของเขาแห้ง เหลืองได้ เพราะหินกักเก็บความร้อน ถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง
น้ำ : ว่านมงคลชนิดนี้ดูแลง่าย รดน้ำ 3 – 4 ครั้งต่อสัปดาห์ก็เพียงพอ เนื่องจากเขาชื่นชอบความชื้นแต่พอดี ไม่แฉะจนเกินไป เคล็ดลับความปังอีกหนึ่งอย่างก็คือ เขาบอกว่าตอนรดน้ำให้ท่องคาถาโดยตั้ง นะโม (3 จบ) ตามด้วย กุ กุ สันโธ นะโม พุทธายะ (3 จบ) จะช่วยเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์ให้ว่าน เรียกทรัพย์ รับโชคมากยิ่งขึ้น
แสงแดด : ว่านชนิดนี้ค่อนข้างชอบแสงแดดรำไร สามารถโดนแดดโดยตรงได้แต่จะต้องเป็นแสงในช่วงเช้าไม่เกิน 10.00 น. เพราะหลังจากนั้นแดดจะแรงจนเกินไป จนอาจทำให้ขอบใบไหม้ได้เช่นกัน แนะนำปลูกใต้สแลน 50% หรือใต้ต้นไม้ใหญ่ แม้ว่าจะเป็นต้นไม้ที่ชอบความชื้นในอากาศสูง แต่ก็ต้องระวังเรื่องการโดนน้ำฝนโดยตรงด้วย ตามแบบฉบับเฟิร์นทั่วไป
และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าว่านลูกไก่ทองคำ ไม้มงคล ของดีตามความเชื่อชาวบ้าน ซึ่งถูกปลูกและได้รับความนิยมอยู่เรื่อยมา ต้องบอกเลยว่าไม้ตระกูลเฟิร์นแบบนี้ควรได้รับการดูแลเอาใจใส่ เน้นสภาพแวดล้อมจำลองป่าดิบชื้นจะดีมาก เพื่อน ๆ สามารถปลูกได้แน่นอนหากศึกษาข้อมูลอย่างเพียงพอ สุดท้ายนี้เราหวังอย่างยิ่งว่าสิ่งที่เรานำมาฝากจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนนะคะ
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ เกี่ยวกับต้นไม้และพืชผักได้ที่ Plantlover.net